เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์กับ10 สถานที่ห้ามพลาดที่ต้องไปเยือนสักครั้งในชีวิต

เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์

เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ ถือเป็นอีกหนึ่งจุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยวหลายๆ คน ยิ่งสำหรับคนไทยนั้นถือเป็นจุดหมายแรกๆ ในการมาเที่ยวยุโรปด้วยซ้ำไป เนื่องจากที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่สวยงามมากๆ ตั้งแต่ทิวทัศน์ของภูเขาแอลป์ หิมะที่ไม่มีให้พบเห็นในบ้านของเรา รวมไปถึงอาหารที่หลากหลายน่าสนใจ

 

ในวันนี้  GoTogetherTravel จะพาทุกคนไปตะลุยสถานที่เที่ยวที่ไม่ควรพลาดจริงๆ หากได้มาที่ประเทศนี้ครั้งแรกกับ 10 ที่เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ที่อัพเดทแบบสุดๆ ในปี 2025 ที่คุณต้องไปให้ได้สักครั้งในชีวิต จะมีที่ไหนกันบ้างนั้นเราไปรับชมกันได้เลย

สนใจเลือกเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ไปกับ GoTogetherTravel ผู้นำด้านการท่องเที่ยว

ทัวร์สวิตเซอร์แลนด์

Line: @GoTogetherTravel   โทร: 02-214-6088 , 081-405-9726

 

ยอดเขาจุงเฟรา (Jungfraujoch) – ประสบการณ์สัมผัสยอดเขาสูงสุดในยุโรป

เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ 2

ยอดเขาจุงเฟรา (Jungfraujoch) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในสวิตเซอร์แลนด์ที่เรียกได้ว่าเป็น “หลังคาแห่งยุโรป” เพราะเป็นจุดชมวิวที่สูงที่สุดในทวีป อยู่ที่ความสูงกว่า 3,454 เมตร จากระดับน้ำทะเล การเดินทางไปจุงเฟรานั้นเริ่มต้นที่เมืองอินเตอร์ลาเคน (Interlaken) และต้องนั่งรถไฟสายพิเศษที่เรียกว่า Jungfrau Railway ซึ่งเป็นเส้นทางที่ตัดผ่านภูเขาและอุโมงค์ที่สูงชันที่สุดในโลก ทิวทัศน์ระหว่างการเดินทางนั้นงดงามราวกับหลุดออกมาจากนิทานจริงๆ ความตื่นเต้นตอนที่รถไฟค่อยๆ เลื้อยผ่านภูเขาและอุโมงค์ยาว ที่เปิดให้เห็นวิวธารน้ำแข็งที่กว้างใหญ่ไพศาล มองไปทางไหนก็เห็นแต่หิมะขาวสะอาดตา สวยงามจนแทบลืมหายใจเลยแหละ

เมื่อถึงยอดเขา สิ่งแรกที่จะรู้สึกได้ก็คือความเย็นที่สัมผัสผิวหน้าและอากาศที่บางเบา แนะนำเลยว่าให้ใส่เสื้อกันหนาวหนาๆ และพยายามหายใจลึกๆ เพื่อปรับตัว แต่เชื่อเถอะว่าความตื่นเต้นจะสามารถเอาชนะความหนาวได้อย่างแน่นอน จุดที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดคือ Sphinx Observatory จุดชมวิวที่สามารถมองเห็นธารน้ำแข็ง Aletsch Glacier ซึ่งเป็นธารน้ำแข็งที่ยาวที่สุดในยุโรปได้อย่างเต็มตา รวมถึงทิวทัศน์ของภูเขาในเทือกเขาแอลป์ที่สลับซับซ้อน

อีกหนึ่งประสบการณ์ที่นักท่องเที่ยวหลายๆ คนจะต้องประทับใจมากคือการเดินบน Ice Palace ซึ่งเป็นอุโมงค์น้ำแข็งที่ถูกแกะสลักอย่างประณีต ภายในมีประติมากรรมน้ำแข็งที่สวยงามและเย็นเยียบ รับรองเลยว่าเดินถ่ายรูปได้รูปสวยๆ เยอะมากๆ แม้จะลื่นบ้างในบางจุด แต่ก็เป็นความทรงจำที่น่าประทับใจอย่างแน่นอน 

และไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดเลยก็คือการออกไปยืนบน Snow Fun Park ซึ่งเป็นลานกว้างที่ปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน หากได้ลองเล่นเลื่อนหิมะและนั่งรถสโนว์โมบิล วิวที่เห็นจากตรงนั้นคือภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะราวกับผืนผ้าห่มสีขาวที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา มันคือความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย ความสุขที่ได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามและบริสุทธิ์ มันทำให้รู้สึกเหมือนได้หลุดเข้าไปในโลกแห่งความฝัน

ทริปนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเดินทางไปยังยอดเขาที่สูงที่สุดในยุโรป แต่ยังเป็นการเดินทางที่เต็มไปด้วยความประทับใจและประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือน ถ้าคุณมีโอกาสไปเยือนสวิตเซอร์แลนด์ ยอดเขาจุงเฟราคือจุดหมายที่คุณไม่ควรพลาดอย่างแน่นอน เพราะที่นี่คือหนึ่งในสถานที่ที่ทำให้คุณได้สัมผัสกับความงดงามของธรรมชาติอย่างแท้จริง

 

ทะเลสาบเจนีวา (Lake Geneva) – ทะเลสาบสุดงดงามริมเทือกเขาแอลป์

เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์

ทะเลสาบเจนีวา (Lake Geneva) เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปตะวันตก ตั้งอยู่ระหว่างพรมแดนของสวิตเซอร์แลนด์และฝรั่งเศส ด้วยทิวทัศน์ที่สวยงามราวกับภาพวาด ทั้งน้ำสีฟ้าใสสะอาดตาและภูเขาแอลป์ที่เป็นฉากหลัง หากได้มีโอกาสมาเยือนทะเลสาบเจนีวาในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ความประทับใจแรกคือการล่องเรือในทะเลสาบที่ลมเย็นสบายพัดผ่านใบหน้า วิวสองฝั่งน้ำเต็มไปด้วยเมืองเล็กๆ ที่น่ารักอย่างเมืองเวเว่ย์ (Vevey) และเมืองมงเทรอซ์ (Montreux)

จุดที่น่าประทับใจที่สุดคือการได้เยี่ยมชม เจ็ทเดอ (Jet d’Eau) น้ำพุขนาดใหญ่ในเมืองเจนีวา ที่พุ่งขึ้นสูงกว่า 140 เมตร การได้ยืนมองน้ำพุที่พุ่งขึ้นกลางทะเลสาบพร้อมกับภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะในฉากหลังทำให้รู้สึกทึ่งในความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ

ในช่วงเย็น หากได้เดินเล่นตามริมทะเลสาบและแวะร้านกาแฟที่มีที่นั่งอยู่ด้านนอก รสชาติกาแฟอุ่นๆ ที่เข้ากันดีกับวิวของพระอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้าเหนือทะเลสาบ ทำให้การนั่งจิบกาแฟในวันนั้นเป็นความสุขที่เรียบง่ายแต่ล้ำค่าอย่างบอกไม่ถูก

ไม่ไกลจากริมทะเลสาบ แนะนำให้แวะชม ปราสาทชิยอง (Chillon Castle) ปราสาทเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบซึ่งสะท้อนเงาในน้ำได้อย่างงดงาม ภายในปราสาทเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และความลึกลับ การเดินเล่นในห้องโถงและหอคอยทำให้รู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในยุคกลาง

การได้สัมผัสกับความงดงามของทะเลสาบเจนีวาทำให้เข้าใจว่าทำไมสถานที่แห่งนี้ถึงเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวและศิลปินจากทั่วโลก นี่ไม่ใช่เพียงแค่ทะเลสาบธรรมดา แต่เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ความสงบ และแรงบันดาลใจ ที่ทำให้ทุกครั้งที่ได้มาเยือนคือการได้เติมพลังใจให้กับตัวเองอย่างแท้จริง

ลูเซิร์น (Lucerne) – เมืองแห่งสะพานไม้และเสน่ห์แห่งทิวทัศน์ภูเขา

เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์

การได้มาเยือนเมืองลูเซิร์น (Lucerne) ในสวิตเซอร์แลนด์เหมือนกับการเดินเข้าสู่โลกแห่งเทพนิยาย เมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบลูเซิร์นและล้อมรอบด้วยภูเขาแอลป์ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความสวยงามที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก สิ่งแรกที่ทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนหลงรักลูเซิร์นคือ สะพานไม้ชาเพล (Chapel Bridge) ที่ทอดยาวข้ามแม่น้ำรอยส์ (Reuss) สะพานนี้เป็นสะพานไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป มีหลังคาคลุมตลอดแนวและประดับด้วยภาพวาดประวัติศาสตร์ของเมือง การเดินข้ามสะพานในยามเย็นที่อาทิตย์ตกสะท้อนลงผิวน้ำเป็นภาพที่สวยงามจนแทบลืมหายใจ

สุดท้ายแนะนำให้เดินเล่นใน ย่านเมืองเก่า (Altstadt) ที่เต็มไปด้วยอาคารสีสันสดใสและลวดลายที่ประณีต สถาปัตยกรรมยุคเรอเนซองส์ผสมผสานกับร้านค้าร้านกาแฟที่ตั้งเรียงรายตลอดทาง ความสงบของเมืองนี้ทำให้การเดินชมนั้นเป็นไปอย่างเพลิดเพลิน แวะชิม ช็อกโกแลตสวิสแท้ๆ ที่ร้านเล็กๆ สักแห่งหนึ่ง รสชาติหอมหวานละมุนละไมจนไม่สามารถห้ามใจ ขอแนะนำให้ซื้อกลับไปฝากเพื่อนๆ ได้เลย

อีกหนึ่งประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาดคือการล่องเรือในทะเลสาบลูเซิร์น วิวของน้ำใสสะอาดที่สะท้อนเงาของภูเขาพิลาตุส (Mount Pilatus) และยอดเขาริกิ (Mount Rigi) ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในภาพวาด และเมื่อถึงท่าเรือ ลองขึ้นรถไฟไต่เขาขึ้นไปยังยอดเขาพิลาตุส ซึ่งวิวจากยอดเขานั้นสวยงามจนทำให้รู้สึกคุ้มค่ากับการเดินทางอย่างแน่นอน สายลมเย็นๆ ที่พัดผ่านหน้าและทัศนียภาพของเมืองลูเซิร์นและทะเลสาบที่มองเห็นจากมุมสูงนั้นจะเป็นอีกหนึ่งภาพที่ติดตรึงอยู่ในใจของคุณอย่างแน่นอน

การมาได้เยือนลูเซิร์นจะทำให้ได้สัมผัสถึงเสน่ห์ของเมืองเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความโรแมนติกและความสงบเงียบ การได้เดินเล่นริมทะเลสาบ ชมวิวสะพานไม้ชาเพล และสัมผัสวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น ทำให้ลูเซิร์นกลายเป็นหนึ่งในเมืองที่หลายๆ คนนั้นอยากกลับมาเยือนอีกครั้ง หากคุณมีโอกาสได้มาเยือนสวิตเซอร์แลนด์ เมืองลูเซิร์นคือจุดหมายหนึ่งที่คุณไม่ควรพลาด

อินเตอร์ลาเคน (Interlaken) – เมืองสวรรค์แห่งกิจกรรมผจญภัยกลางหุบเขาแอลป์

เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์

อินเตอร์ลาเคนเป็นเมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบสองแห่งคือทะเลสาบทูน (Lake Thun) และทะเลสาบเบรียนซ์ (Lake Brienz) เมืองนี้เป็นจุดหมายปลายทางในฝันของคนรักการผจญภัยและธรรมชาติ ในครั้งแรกที่มาเยือนอินเตอร์ลาเคน รับรองเลยว่าคุณจะรู้สึกทึ่งกับทิวทัศน์ที่สวยงามของภูเขาแอลป์ที่ล้อมรอบและสีฟ้าใสของทะเลสาบที่สะท้อนท้องฟ้าได้อย่างงดงาม

กิจกรรมแรกที่ห้ามพลาดคือการนั่ง พาราไกลดิ้ง (Paragliding) ท่ามกลางท้องฟ้าสีคราม การลอยตัวเหนือเมืองทำให้ได้เห็นวิวแบบพาโนราม่าของภูเขาและทะเลสาบเบื้องล่าง ความตื่นเต้นและอิสระที่ได้รับจากการบินอยู่เหนือทิวทัศน์นั้นเป็นประสบการณ์ที่ไม่อาจลืมเลือนได้

จากนั้นอยากขอแนะนำให้ไปเดินป่าที่ Harder Kulm จุดชมวิวที่สูงเหนือเมืองและสามารถมองเห็นวิวของเมืองอินเตอร์ลาเคนพร้อมกับทะเลสาบทั้งสองได้อย่างเต็มตา เป็นความรู้สึกตื่นเต้นตอนที่ได้นั่งรถไฟไต่เขาขึ้นไป วิวระหว่างทางเต็มไปด้วยความสวยงามของธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นป่าสนเขียวขจี ทะเลสาบที่ส่องประกาย และหมู่บ้านเล็กๆ ที่กระจายอยู่ทั่วหุบเขา

หากมีเวลาตอนเย็นลองกลับมานั่งเรือชมทะเลสาบเบรียนซ์ดู คุณจะพบกับความสงบเงียบของน้ำที่ใสสะอาดตาและวิวภูเขาที่เปลี่ยนสีตามแสงอาทิตย์ยามเย็นมันให้รู้สึกผ่อนคลายและสงบอย่างบอกไม่ถูก

สุดท้ายนี้อินเตอร์ลาเคนไม่ใช่แค่เมืองเล็กๆ ในหุบเขา แต่มันเป็นสถานที่ที่ผสมผสานระหว่างความสงบของธรรมชาติและความตื่นเต้นของการผจญภัยได้อย่างลงตัว การได้สัมผัสความงดงามของธรรมชาติและความตื่นเต้นของกิจกรรมผจญภัยทำให้อินเตอร์ลาเคนเป็นหนึ่งในเมืองที่ใครๆ ต่างก็รักที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ ถ้าคุณเป็นคนรักธรรมชาติและการผจญภัย เมืองนี้คือจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดเลยแหละ

เซอร์แมทและยอดเขาแมทเธอร์ฮอร์น (Zermatt & Matterhorn) – สวรรค์แห่งขุนเขาและความงดงามที่ต้องสัมผัสด้วยตา

เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์

เมื่อพูดถึงสวิตเซอร์แลนด์ หลายคนคงนึกถึงภูเขาแมทเทอร์ฮอร์น (Matterhorn) ที่ตั้งตระหง่านเป็นสัญลักษณ์อันโด่งดัง ยอดเขารูปทรงสามเหลี่ยมอันโดดเด่นนี้เป็นหนึ่งในยอดเขาที่สวยที่สุดในโลก และเมืองเซอร์แมท (Zermatt) ก็เป็นเมืองเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ใกล้กับยอดเขานี้ การมาเยือนที่นี่ในช่วงฤดูหนาว บรรยากาศของเมืองที่ปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลนและความสงบเงียบของถนนที่ปราศจากรถยนต์ทำให้เซอร์แมทดูเหมือนหลุดออกมาจากหนังสือนิทาน

การเดินทางไปเซอร์แมทนั้นต้องอาศัยรถไฟเท่านั้น เนื่องจากเมืองนี้เป็น เมืองปลอดรถยนต์ การเดินทางโดยรถไฟจากทาสช์ (Täsch) เข้าสู่เซอร์แมทเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจ วิวระหว่างทางเต็มไปด้วยป่าสนที่ปกคลุมด้วยหิมะและภูเขาสูงใหญ่ ทุกครั้งที่รถไฟเลี้ยว ทำให้แอบลุ้นทุกครั้งว่าจะได้เห็นยอดเขาแมทเธอร์ฮอร์นเมื่อไหร่ จนในที่สุดก็ปรากฏขึ้นมาเป็นเงาใหญ่โตท่ามกลางท้องฟ้าสีคราม มันเป็นภาพที่งดงามจนแทบลืมหายใจ

ที่เซอร์แมทหากได้ลองเล่น สกี ที่บริเวณเชิงเขา แม้ว่าคุณจะเป็นมือใหม่แต่ก็สามารถดื่มด่ำกับความตื่นเต้นของการลื่นไถลลงมาตามทางหิมะที่ขาวสะอาด สำหรับคนที่ไม่ชอบเล่นสกี เมืองนี้ก็ยังมีกิจกรรมอื่นๆ อีก เช่น การนั่งกระเช้าขึ้นไปบนยอดเขากอร์เนอร์กราต (Gornergrat) เพื่อชมวิวของแมทเทอร์ฮอร์นแบบพาโนราม่า บนยอดเขาที่สูงถึง 3,089 เมตรนั้น การได้ยืนมองแมทเทอร์ฮอร์นที่ส่องประกายระยิบระยับจากแสงอาทิตย์ มันเป็นภาพที่งดงามและสงบสุขอย่างไม่น่าเชื่อ

อีกหนึ่งประสบการณ์ที่จะทำให้คุณประทับใจคือการเดินเล่นใน ย่านเมืองเก่า ของเซอร์แมท บ้านไม้เก่าแก่และร้านค้าที่ตกแต่งอย่างสวยงามทำให้เมืองนี้มีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร แวะลองชิมฟองดูว์ชีสที่ร้านอาหารท้องถิ่น ชีสละลายหอมๆ ที่จุ่มขนมปังและผักทำให้มื้ออาหารนี้อุ่นใจและอิ่มเอม

ยามค่ำคืนเมื่อแสงไฟจากบ้านเรือนสะท้อนบนหิมะขาวและยอดเขาแมทเธอร์ฮอร์นที่ยังคงมองเห็นเป็นเงาอยู่ไกลๆ เป็นบรรยากาศที่สงบและโรแมนติกอย่างที่สุด เซอร์แมทถือเป็นเมืองที่มีความเงียบสงบและความงดงามของธรรมชาติอย่างแท้จริง ไม่ว่าคุณจะมาในฤดูไหน ที่นี่ก็จะทำให้คุณหลงรักและอยากกลับมาเยือนอีกครั้งเสมอ หากคุณกำลังมองหาที่ที่จะได้สัมผัสกับภูเขาที่สวยงามที่สุดในโลก เซอร์แมทและยอดเขาแมทเธอร์ฮอร์นคือคำตอบที่สมบูรณ์แบบจริงๆ

กรุงเบิร์น (Bern) – เมืองหลวงสุดคลาสสิกของสวิตเซอร์แลนด์

เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์

กรุงเบิร์น (Bern) เป็นเมืองหลวงของสวิตเซอร์แลนด์ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมยุคกลางและบรรยากาศที่แสนอบอุ่น หากมีโอกาสมาเยือนเมืองนี้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ความประทับใจแรกเกิดขึ้นทันทีเมื่อเดินเข้าสู่ ย่านเมืองเก่า (Old Town) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก้ ย่านนี้มีถนนปูด้วยหินกรวดและอาคารสไตล์โกธิกที่สวยงาม ตึกแต่ละหลังมีสีสันสดใส และด้านหน้าของอาคารบางแห่งมีรูปปั้นน้ำพุที่แสดงถึงประวัติศาสตร์ของเมือง

จุดหมายแรกที่หลายๆ คนไปกันก็คือ หอนาฬิกาไซท์กล็อกเค่อ (Zytglogge Clock Tower) ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง การได้ยืนชมการเคลื่อนไหวของตุ๊กตาหุ่นในขณะที่นาฬิกาเริ่มบอกเวลาตรงทุกชั่วโมงนั้นเป็นความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ทุกคนยืนมองด้วยความตั้งใจ และเมื่อหุ่นกระดิ่งและเสียงดนตรีดังก้องกังวาน ที่ทำให้รู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในยุคกลาง

และแนะนำให้ข้ามสะพาน Nydeggbrücke ไปยัง สวนหมี (Bear Park) ซึ่งเป็นบ้านของหมีสีน้ำตาล สัญลักษณ์ของเมืองเบิร์น หมีน่ารักๆ ที่เดินเล่นอยู่ริมแม่น้ำอาเร (Aare River) เป็นภาพที่น่าประทับใจและทำให้บรรยากาศของเมืองดูผ่อนคลายมากขึ้น นั่งพักผ่อนที่สวนสาธารณะริมแม่น้ำ ฟังเสียงน้ำไหลและมองดูวิวของเมืองเก่าที่สวยงามบนเนินเขา

อีกหนึ่งประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนเบิร์นคือการเดินเล่นที่ ตลาดในร่ม (Bern Market Hall) ซึ่งเต็มไปด้วยสินค้าพื้นเมือง เช่น ชีส ผลไม้สด และขนมปังที่อบใหม่ๆ หากได้ลองชิม Emmental cheese ที่หอมกรุ่นและเนื้อเนียนนุ่ม รสชาติเข้มข้นและกลมกล่อมจนต้องซื้อติดมือกลับไปเป็นของฝาก

ยามเย็นเดินเล่นตามทางเดินริมแม่น้ำอาเร ชมวิวของพระอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้าเบื้องหลังยอดโบสถ์ Munster Cathedral ความเงียบสงบและความงดงามของเมืองเบิร์นในช่วงเวลานั้นจะทำให้รู้สึกผ่อนคลายและประทับใจในความเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์

กรุงเบิร์นเป็นเมืองที่ผสมผสานระหว่างความคลาสสิกและความสงบเรียบร้อยได้อย่างลงตัว ทุกซอกทุกมุมของเมืองมีเรื่องราวที่น่าสนใจ และการได้มาเยือนที่นี่จะทำให้รู้สึกเหมือนได้กลับไปในยุคสมัยที่เรียบง่ายและมีเสน่ห์อย่างแท้จริง หากคุณได้มาเยือนสวิตเซอร์แลนด์ กรุงเบิร์นคือเมืองที่คุณไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง

บาเซิล (Basel) – เมืองแห่งศิลปะและวัฒนธรรมริมแม่น้ำไรน์

เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์

บาเซิล (Basel) เป็นเมืองใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสามของสวิตเซอร์แลนด์ และตั้งอยู่ติดกับพรมแดนของเยอรมนีและฝรั่งเศส หากมีโอกาสได้มาเยือนเมืองนี้ในช่วงฤดูร้อน ซึ่งเป็นช่วงที่เมืองเต็มไปด้วยชีวิตชีวาและกิจกรรมทางศิลปะ แนะนำให้เริ่มทริปด้วยการเดินเล่นในย่านเมืองเก่าที่เต็มไปด้วยอาคารสไตล์โกธิกและบาโรกที่งดงาม หนึ่งในสถานที่ที่ต้องไปคือ มหาวิหารบาเซิล (Basel Minster) ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา ริมแม่น้ำไรน์ การได้เดินขึ้นไปถึงยอดเขาและชมวิวของแม่น้ำและเมืองจากมุมสูงเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจมาก

จากนั้นแวะที่ พิพิธภัณฑ์ศิลปะบาเซิล (Kunstmuseum Basel) ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ ภายในมีคอลเล็กชันงานศิลปะตั้งแต่ยุคเรเนซองส์จนถึงยุคโมเดิร์น การได้เห็นผลงานของศิลปินชื่อดังเช่น ปิกัสโซ่ และดาลี ในบรรยากาศที่เงียบสงบและหรูหรา จะทำให้รู้สึกเหมือนถูกพาเข้าสู่โลกของศิลปะอย่างแท้จริง

ยามบ่ายการได้นั่งเรือข้ามแม่น้ำไรน์ไปยังฝั่งตรงข้ามของเมืองที่เรียกว่า คลายน์บาเซิล (Kleinbasel) บรรยากาศที่นี่ต่างจากฝั่งเมืองเก่า มีความคึกคักด้วยร้านกาแฟและร้านอาหารริมแม่น้ำ แนะนำให้ลองชิมอาหารพื้นเมืองและนั่งชมวิวเรือที่แล่นผ่านไปมา บรรยากาศสบายๆ และลมเย็นๆ ทำให้ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่ผ่อนคลายอย่างที่สุด

การเดินทางของที่นี่ยังไม่จบลงแค่นั้น เพราะบาเซิลยังมีสถานที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น พิพิธภัณฑ์ Tinguely ที่แสดงผลงานศิลปะเชิงกลที่สร้างสรรค์และแปลกใหม่ และ Marktplatz ที่เต็มไปด้วยร้านค้าและตลาดสด

หากได้มาที่บาเซิล จะทำให้คุณเห็นในแง่มุมที่แตกต่างจากเมืองอื่นๆ ในสวิตเซอร์แลนด์ เมืองนี้เป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรมร่วมสมัย ความหลากหลายทางวัฒนธรรมและการเป็นจุดศูนย์กลางของศิลปะในยุโรปทำให้บาเซิลเป็นเมืองที่น่าหลงใหลและน่าไปเยือนอีกครั้งอย่างไม่ต้องสงสัย หากคุณเป็นคนรักศิลปะและประวัติศาสตร์ บาเซิลคือเมืองที่ไม่ควรพลาดเลยทีเดียว

ลูกาโน (Lugano) – เมืองสวรรค์ริมทะเลสาบที่ผสมผสานเสน่ห์แบบอิตาลีและสวิส

เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์

ลูกาโน (Lugano) เป็นเมืองเล็กๆ ในแคว้นทิซิโน (Ticino) ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์แบบเมดิเตอร์เรเนียน ตั้งอยู่ริมทะเลสาบลูกาโนที่งดงามและล้อมรอบด้วยภูเขา หากมีโอกาสมาเยือนเมืองนี้ในช่วงฤดูร้อน บรรยากาศของเมืองที่เงียบสงบแต่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในอิตาลีมากกว่าสวิตเซอร์แลนด์ ผู้คนท้องถิ่นพูดภาษาอิตาลีและมีรอยยิ้มเป็นกันเอง เดินเล่นบนถนนที่ปูด้วยหินกรวดในย่านเมืองเก่าและชมสถาปัตยกรรมสไตล์เรเนซองส์และบาโรกที่สวยงามถือเป็นประสบการณ์ที่น่าหลงใหล

การเดินเล่นริมทะเลสาบและการล่องเรือ เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่ควรพลาด การได้ล่องเรือในทะเลสาบลูกาโนท่ามกลางทิวทัศน์ของภูเขาและหมู่บ้านเล็กๆ ริมทะเลสาบที่ดูเหมือนภาพวาด ลมเย็นที่พัดผ่านและความเงียบสงบของน้ำสีฟ้าทำให้รู้สึกผ่อนคลายและได้ดื่มด่ำกับความงดงามของธรรมชาติ

อีกหนึ่งประสบการณ์ที่น่าจดจำคือการเดินขึ้นไปยัง ยอดเขามอนเตเบร (Monte Brè) ซึ่งสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองลูกาโนและทะเลสาบได้อย่างเต็มตา ขอแนะนำว่าให้ลองเดินขึ้นไปตามเส้นทางธรรมชาติที่คดเคี้ยวและล้อมรอบด้วยป่าสน ระหว่างทางมีจุดพักชมวิวที่สามารถมองเห็นทะเลสาบจากมุมสูง การได้ยืนอยู่บนยอดเขาและมองลงมาเห็นเมืองเล็กๆ ที่สวยงามเบื้องล่างเป็นภาพที่ประทับใจไม่รู้ลืมแน่นอน

นอกจากนี้ ลูกาโนยังเป็นเมืองแห่งศิลปะและวัฒนธรรม ที่นี่มีพิพิธภัณฑ์มากมายให้ชม เช่น LAC Lugano Arte e Cultura ซึ่งจัดแสดงผลงานศิลปะร่วมสมัยและการแสดงต่างๆ หากมีโอกาสได้ชมการแสดงดนตรีคลาสสิกในโรงละครขนาดเล็ก ความงดงามของดนตรีและบรรยากาศที่เงียบสงบทำให้ค่ำคืนนั้นเป็นค่ำคืนที่อบอุ่นและน่าประทับใจ

นอกจากนี้การเดินเล่นที่ Piazza della Riforma จัตุรัสหลักของเมืองที่เต็มไปด้วยร้านอาหารและคาเฟ่ บรรยากาศที่นี่ครึกครื้นและเป็นกันเอง การได้นั่งจิบไวน์สักแก้วพร้อมทานพิซซ่าอิตาเลียนและชมผู้คนที่เดินผ่านไปมาเป็นการปิดท้ายวันที่สมบูรณ์แบบจริงๆ เชื่อเถอะ

การมาเยือนลูกาโนนั้นจะทำให้ได้สัมผัสกับบรรยากาศที่ผ่อนคลายและความงดงามของธรรมชาติผสมผสานกับวัฒนธรรมที่หลากหลาย เมืองนี้เป็นสถานที่ที่ทำให้รู้สึกเหมือนได้มาพักผ่อนและเติมพลังอย่างแท้จริง หากคุณกำลังมองหาที่ที่มีทั้งวิวทิวทัศน์ที่สวยงามและเสน่ห์ของชีวิตที่เรียบง่าย ลูกาโนคือเมืองที่คุณไม่ควรพลาด

ทะเลสาบเบรียนซ์ (Lake Brienz) – ทะเลสาบสีมรกตในหุบเขาแห่งสวิตเซอร์แลนด์

เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์

ทะเลสาบเบรียนซ์ (Lake Brienz) เป็นหนึ่งในทะเลสาบที่สวยที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ ตั้งอยู่ในหุบเขาระหว่างเมืองอินเตอร์ลาเคน (Interlaken) และเมืองเบรียนซ์ (Brienz) อาจจะเป็นครั้งแรกที่คุณจะได้เห็นทะเลสาบแห่งนี้ คุณอาจจะรู้สึกทึ่งกับน้ำสีเขียวมรกตที่ใสสะอาดราวกับกระจก ตัดกับฉากหลังของภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะและป่าสนเขียวขจี การเดินทางมายังทะเลสาบเบรียนซ์ เริ่มต้นด้วยการนั่งเรือชมวิวรอบทะเลสาบ ลมเย็นที่พัดผ่านและความเงียบสงบของน้ำนั้นจะทำให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก

หนึ่งในไฮไลต์ที่น่าประทับใจคือการได้แวะที่ หมู่บ้านอิสเตวาลด์ (Iseltwald) หมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบ มีบ้านไม้เก่าแก่และสะพานไม้เล็กๆ ที่ทอดยาวไปยังทะเลสาบ บรรยากาศที่นี่เต็มไปด้วยความสงบและเรียบง่าย การได้เดินเล่นบนสะพานและชมวิวภูเขาและน้ำใสที่สะท้อนแสงแดดทำให้ทุกอย่างดูงดงามเหมือนภาพในโปสการ์ดเลยแหละ

นอกจากนี้หากได้เดินทางต่อไปยัง น้ำตกจิมเมอร์บัค (Giessbach Falls) น้ำตกที่ไหลลงมาจากภูเขาสูงและพุ่งลงสู่ทะเลสาบเบรียนซ์ เสียงน้ำที่ดังก้องกังวานและความเย็นจากละอองน้ำที่กระเซ็นมาต้องผิวทำให้รู้สึกสดชื่น การได้นั่งชมวิวจากโรงแรมเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ใกล้กับน้ำตกและจิบกาแฟอุ่นๆ พลางมองดูธรรมชาติอันยิ่งใหญ่จะทำให้รู้สึกผ่อนคลายและหลงรักสถานที่แห่งนี้อย่างแน่นอน

การมาเยือนทะเลสาบเบรียนซ์ครั้งนี้จะทำให้ได้สัมผัสกับความงดงามของธรรมชาติและความสงบสุขที่ยากจะหาที่ไหนได้ หากคุณกำลังมองหาสถานที่สำหรับพักผ่อนใจและชื่นชมความงามของทะเลสาบที่ล้อมรอบด้วยภูเขาอันสูงใหญ่ ทะเลสาบเบรียนซ์คือสถานที่ที่ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง

กรินเดลวัลด์ (Grindelwald) – หมู่บ้านแสนสวยในอ้อมกอดแห่งเทือกเขาแอลป์

เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์

กรินเดลวัลด์ (Grindelwald) เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางภูเขาแอลป์ในสวิตเซอร์แลนด์ หากมีโอกาสได้มาเยือนที่นี่ในฤดูร้อน ความประทับใจแรกที่จะสัมผัสได้คือบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสดชื่นและวิวที่งดงามสุดตา หมู่บ้านแห่งนี้ล้อมรอบด้วยภูเขาสูงใหญ่ เช่น ไอเกอร์ (Eiger) และ เวทเทอร์ฮอร์น (Wetterhorn) ซึ่งดูเหมือนจะปกป้องเมืองเล็กๆ นี้ไว้เหมือนป้อมปราการธรรมชาติ

การเดินทางด้วยกระเช้าไฟฟ้าขึ้นไปยังยอดเขา First ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สวยงามและมีกิจกรรมให้เลือกทำมากมาย เช่น First Cliff Walk ทางเดินที่ยื่นออกมาจากหน้าผา ที่จะให้ความรู้สึกทั้งตื่นเต้นและท้าทาย แต่เชื่อเถอะว่าคุ้มค่ามากเพราะได้ชมวิวทิวทัศน์ของหุบเขาและภูเขาที่อยู่ไกลสุดลูกหูลูกตา

และแนะนำให้ลองเล่น First Flyer ซึ่งเป็นซิปไลน์ที่ยาวและสูงที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ การได้ปล่อยตัวลอยอยู่กลางอากาศและมองดูภูเขาและหมู่บ้านเบื้องล่างจากมุมสูงเป็นประสบการณ์ที่สนุกและตื่นเต้นอย่างยิ่ง

และแน่นอนการเดินเล่นในหมู่บ้านกรินเดลวัลด์ ชมบ้านไม้เก่าแก่ที่ตกแต่งด้วยดอกไม้สีสันสดใสและร้านกาแฟที่เรียงรายอยู่ริมถนน การนั่งจิบชาร้อนๆ พร้อมชมวิวภูเขาที่ถูกย้อมด้วยแสงอาทิตย์สีทองของยามเย็น ถือเป็นช่วงเวลาที่ผ่อนคลายและสวยงามเกินคำบรรยาย

สำหรับคนที่รักการผจญภัย กรินเดลวัลด์ในฤดูหนาวยังเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับการเล่นสกีและสโนว์บอร์ด สนามสกีขนาดใหญ่และทิวทัศน์หิมะขาวโพลนทำให้ที่นี่กลายเป็นสวรรค์ของคนรักกิจกรรมกลางแจ้ง

กรินเดลวัลด์เป็นหมู่บ้านที่มีเสน่ห์ทั้งในฤดูร้อนและฤดูหนาว การได้มาสัมผัสบรรยากาศที่นี่ทำให้รู้สึกเหมือนได้หลุดเข้าไปในโลกของเทพนิยาย และความสงบเงียบที่นี่ก็เป็นการพักผ่อนที่ยอดเยี่ยมสำหรับทุกคนที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายของเมืองใหญ่ หากมีโอกาสได้มาเยือนสวิตเซอร์แลนด์ อย่าลืมแวะมาสัมผัสมนต์เสน่ห์ของกรินเดลวัลด์ที่นี่สักครั้ง

สนใจเลือกเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ไปกับ GoTogetherTravel ผู้นำด้านการท่องเที่ยว

ทัวร์สวิตเซอร์แลนด์

 

ช่องทางติดต่อได้ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 9.00 -17.00 น.

Line: @GoTogetherTravel

โทร: 02-214-6088 , 081-405-9726