รัสเซีย (Russia, Россия, Rossíya) เป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก ครอบคลุม ยุโรปตะวันออกและเอเชียเหนือ ด้วยขนาดที่กว้างใหญ่ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมประเทศนี้เต็มไปด้วย นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่ต้องการมาเที่ยวรัสเซียกันมาก
ด้วยการที่ได้มาเที่ยวรัสเซียนั้น นักท่องเที่ยวจะได้พบกับ ภูมิประเทศที่หลากหลาย วัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ และประวัติศาสตร์ที่ทรงอิทธิพล ไม่ว่าจะเป็นเมืองหลวงอย่างมอสโกที่มีจัตุรัสแดงและพระราชวังเครมลิน, เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กที่มีสถาปัตยกรรมงดงาม
นอกจากนี้ยังมีเมืองอื่นๆ ที่น่าสนใจและมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามซ่อนอยู่อีกมากมาย รัสเซียจึงเป็นจุดหมายปลายทางที่สมบูรณ์แบบสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ทั้งด้านวัฒนธรรมและธรรมชาติ ซึ่งวันนี้เองทาง gotogethertravel บริษัทนำเที่ยวชั้นนำของไทย จะพาท่านไปรู้จักกับ 8 สถานที่เที่ยวไฮไลท์ในปี 2025 ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด และเกร็ดน่ารู้ก่อนไปเที่ยวรัสเซีย พร้อมบอกค่าเข้าชม เวลาปิด-เปิด และพิกัดมาให้ครบ จะมีที่ไหนกันบ้างไปดูกันได้เลย
สนใจเลือกเที่ยวรัสเซียไปกับ GoTogetherTravel ผู้นำด้านการท่องเที่ยว
Line: @GoTogetherTravel โทร: 02-214-6088 , 081-405-9726
1. จัตุรัสแดง (Red Square)

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/896mab4ZimttPXow5
จัตุรัสแดง (Red Square, Красная площадь, Krasnaya Ploshchad’) ถือเป็นหนึ่งในจุดมุ่งหมายสำหรับใครก็ตามที่ได้มาเที่ยวรัสเซีย เนื่องจากที่นี่นั้นได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลกโดยยูเนสโก (UNESCO World Heritage Site) ในปี 1990 โดยที่แห่งนี้นั้นถือว่าเป็นจัตุรัสที่สวยงามที่สุดในโลกก่อตั้งในศตวรรษที่ 15 โดยพระเจ้าซาร์อีวานที่ 3 (Ivan III) และพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางของเมือง ทั้งหมดถูกสร้างด้วยหินแกรนิตและหินอ่อนนับเป็นล้านชิ้นที่ตอกลงไปบนพื้น จนกลายเป็นลานกว้างใจกลางเมือง ที่เป็นเวทีของเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตรต่าง ๆ มากมายของรัสเซีย ไม่ว่าจะเป็นงานเฉลิมฉลองทางศาสนา หรือการประท้วงทางการเมือง สร้างในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 17
นอกจากนั้นยังเป็นสถานที่เก็บศพของเลนิน ในปัจจุบันใช้จัดงานในช่วงเทศกาลสำคัญๆ เช่น วันปีใหม่ วันชาติ วันแรงงาน และวันที่ระลึกถึงสงครามโลกครั้งที่ 2 บริเวณโดยรอบของจัตุรัสแดงจะเป็นที่ตั้งของกลุ่มสถาปัตยกรรมที่สวยงาม ทำให้ที่นี่กลายเป็น แลนด์มาร์กอันดับหนึ่งที่นักท่องเที่ยวรัสเซียต้องมาเยือน
สถานที่ไฮไลต์สำคัญของจัตุรัสแดง
- มหาวิหารเซนต์บาซิล (Saint Basil’s Cathedral) โบสถ์โดมหลากสีที่มีดีไซน์แปลกตา เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของรัสเซีย
- พระราชวังเครมลิน (Kremlin) ศูนย์กลางอำนาจของรัสเซีย ปัจจุบันเป็นที่ทำการของประธานาธิบดี
- ห้างกุม (GUM Department Store) ห้างสรรพสินค้าที่เก่าแก่ที่สุดของรัสเซีย เปิดมาตั้งแต่ปี 1893
- สุสานเลนิน (Lenin’s Mausoleum) สถานที่บรรจุร่างของวลาดิเมียร์ เลนิน (Vladimir Lenin) ผู้นำแห่งโซเวียต
- พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติรัสเซีย (State Historical Museum) จัดแสดงโบราณวัตถุ และสมบัติของราชวงศ์รัสเซีย
💰 ค่าเข้าชม ฟรี (แต่สถานที่บางแห่งรอบ ๆ จัตุรัส เช่น พระราชวังเครมลิน หรือพิพิธภัณฑ์ มีค่าใช้จ่าย)
⏰ เวลาเปิด-ปิด เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
2. วิหารเซนต์บาซิล (St.Basil’s Cathedral)

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/yQN58vxsV7bK38aR6
วิหารเซนต์บาซิล (St. Basil’s Cathedral, Собор Василия Блаженного, Sobor Vasiliya Blazhennogo) ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กที่โดดเด่นที่สุดของรัสเซีย ตั้งอยู่ที่ จัตุรัสแดง (Red Square) ในกรุงมอสโก สร้างขึ้นระหว่างปี 1555 – 1561 โดยคำสั่งของ พระเจ้าซาร์อีวานที่ 4 (Ivan the Terrible) เพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะในการพิชิตอาณาจักรคาซาน (Kazan Khanate) ด้วยสถาปัตยกรรมและสัญลักษณ์อันโดดเด่น จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลกโดยยูเนสโก (UNESCO World Heritage Site) ในปี 1990
จึงไม่ต้องแปลกใจเลย ที่หากคุณจะต้องมาเที่ยวรัสเซียในปี 2025 นี้ เพราะที่นี่เป็นวิหารที่สวยงามที่มีโบสถ์ 9 โบสถ์ รวมกันที่เป็นหนึ่งเดียว โดม 9 ยอดที่มีสีสันสวยงาม สดใส จนใครๆ ก็ตั้งชื่อเล่นให้วิหารนี้ว่า “โบสถ์ลูกกวาด” สร้างด้วยศิลปะรัสเซียโบราณซึ่งเชื่อว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่ไม่ได้ลอกเลียนแบบของศิลปะยุคใดมาก่อน วิหารแห่งนี้ถูกสร้างโดยสถาปนิกชาวรัสเซีย ชื่อ โพสท์นิค ยาคอฟเลฟ (Postnik Yakovlev) หลังจากได้สร้างเสร็จก็ถูกควักดวงตาทั้งสองข้างโดยกษัตริย์อีวานที่ 4 นับเป็นความโหดร้ายที่น่าเศร้ายิ่งนัก เพราะว่าไม่ต้องการให้ไปสร้างสิ่งสวยงามเช่นนี้ในที่แห่งใดอีก
แต่เดิมนั้นวิหารบาซิลนี้เคยเป็นสีขาวและโดมสีทองมาก่อน แต่ในศตวรรษที่ 17 ได้ถูกทาสีใหม่ให้เป็นสีสันสดใสแบบปัจจุบัน
ไฮไลต์ภายในวิหารเซนต์บาซิล
- ห้องโถงกลางและห้องสวดมนต์ (Central Church & Chapels) ภายในมีห้องโถงและโบสถ์ย่อย 9 แห่ง ที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่นักบุญต่าง ๆ
- จิตรกรรมฝาผนังและภาพไอคอน (Frescoes & Icons) ภายในเต็มไปด้วย ภาพวาดทางศาสนา และ ลวดลายเรขาคณิต ที่สะท้อนถึงศิลปะแบบรัสเซียโบราณ
- ทางเดินแคบและบรรยากาศโบราณ ที่เชื่อมระหว่างห้องต่าง ๆ ผนังมีลวดลายวาดมือสไตล์รัสเซียแท้ ๆ
💰 ค่าเข้าชม
- ผู้ใหญ่ 700 รูเบิล (~280 บาท)
- นักเรียนและเด็ก 300 รูเบิล (~120 บาท)
⏰ เวลาเปิด-ปิด
- 10:00 – 19:00 น. (ช่วงฤดูร้อน)
- 11:00 – 18:00 น. (ช่วงฤดูหนาว)
- ปิดทุกวันพุธ
3. พระราชวังเครมลิน (Kremlin)

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/JYF8ReVgCrLMsWM27
พระราชวังเครมลิน (Kremlin, Московский Кремль) สร้างขึ้นครั้งแรกในศตวรรษที่ 12 เป็นป้อมปราการไม้ ก่อนจะถูกสร้างใหม่ด้วยอิฐแดงในศตวรรษที่ 15 ก่อนจะได้รับการขยายและปรับปรุงโดยซาร์อีวานที่ 3 (Ivan III) ในศตวรรษที่ 15 โดยใช้สถาปนิกจากอิตาลี สำหรับที่นี่ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ต้องไปเยือนเมื่อไปกรุงมอสโคว์ จุดกำเนิดแห่งประวัติศาสตร์รัสเซียที่มีอายุยาวนานกว่า 850 ปี ตั้งอยู่บนเนินสูงถึง 40 เมตร ริมแม่น้ำมอสโก และติดกับจัตุรัสแดง (Red Square) ตัวพระราชวังถูกล้อมรอบด้วยกำแพงสีแดง ภายในมีพิพิธภัณฑ์อาร์เมอร์รี่ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุดของรัสเซีย จึงเหมาะสำหรับการมาเที่ยวรัสเซีย หรือมาเยี่ยมชมที่นี่สักครั้งเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นที่เก็บสมบัติล้ำค่าของกษัตริย์รัสเซีย ทั้งเครื่องประดับที่ทำด้วยเพชร ทองคำ อุปกรณ์การสู้รบของกษัตริย์สมัยโบราณ ชุดฉลองพระองค์ของกษัตริย์และพระราชินี นอกจากนั้นยังมี โบสถ์อัสสัมชัญ ปืนใหญ่พระเจ้าซาร์ หอระฆังพระเจ้าอีวาน และ ระฆังพระเจ้าซาร์ สร้างในสมัยพระนางแอนนาที่ทรงประสงค์จะสร้างระฆังใบใหญ่ที่สุดในโลก แต่เนื่องจากมีความผิดพลาดจึงทำให้ระฆังแตกออก
พระราชวังแห่งนี้เป็นที่ทำการของ ประธานาธิบดีรัสเซีย ในปัจจุบัน และเคยเป็นที่พำนักของซาร์รัสเซียในอดีต พระราชวังเครมลินได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลกโดยยูเนสโก (UNESCO World Heritage Site) ในปี 1990 เนื่องจากเป็นสถานที่ที่มี สถาปัตยกรรมที่โดดเด่น ประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน และความสำคัญในระดับโลก
สถานที่ไฮไลต์สำคัญของพระราชวังเครมลิน (Kremlin)
- จัตุรัสวิหาร (Cathedral Square) เป็น ศูนย์กลางทางศาสนา ของรัสเซียในอดีต
- พระราชวังเครมลินใหญ่ (Grand Kremlin Palace) เดิมเป็นที่ประทับของซาร์รัสเซีย ปัจจุบันใช้สำหรับ งานพิธีระดับชาติ
- พิพิธภัณฑ์อาวุธเครมลิน (The Armoury Chamber) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุดของรัสเซีย จัดแสดง อาวุธ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ และสมบัติของราชวงศ์รัสเซีย
- Diamond Fund Exhibition ห้องเพชรล้ำค่า จัดแสดงเครื่องเพชรและสมบัติของซาร์ รวมถึง Orlov Diamond และ Imperial Crown of Russia
- หอระฆังอีวานมหาราช (Ivan the Great Bell Tower) เคยเป็น อาคารที่สูงที่สุดในมอสโก จนถึงศตวรรษที่ 19 สามารถขึ้นไปชมวิวเมืองมอสโกแบบพาโนรามาได้
- ปืนใหญ่พระเจ้า (Tsar Cannon) และระฆังพระเจ้า (Tsar Bell) ปืนใหญ่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่มันไม่เคยถูกใช้งานจริง และระฆังที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่แตกก่อนจะถูกใช้งาน
💰 ค่าเข้าชม
- The Kremlin Grounds & Cathedrals: 1,000 รูเบิล (~400 บาท)
- The Armoury Chamber: 1,500 รูเบิล (~600 บาท)
- Diamond Fund Exhibition: 500 รูเบิล (~200 บาท)
⏰ เวลาเปิด-ปิด
- เปิดทุกวัน 10:00 – 17:00 น. (ปิดวันพฤหัสบดี)
4.สถานีรถไฟใต้ดิน (Moscow Metro)

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/hJHNEFsF5Rgqf67e7
แน่นอนเลยว่าหากคุณได้มาเที่ยวรัสเซียจริงๆ คุณนั้นไม่ควรพลาดที่จะมายัง สถานีรถไฟใต้ดินมอสโก (Moscow Metro, Московский Метрополитен) เพราะที่นี่นั้นไม่ใช่เป็นแค่ระบบขนส่งมวลชนธรรมดา แต่ยังเป็นหนึ่งใน เครือข่ายรถไฟใต้ดินที่สวยที่สุดในโลก เป็นสถาปัตยกรรมที่ถูกสร้างขึ้นอย่างประณีต มีความงดงามและสวยที่สุดในโลก มีจิตรกรรมฝาผนังที่สะท้อนถึง ประวัติศาสตร์ ศิลปะ และอุดมการณ์ของสหภาพโซเวียต สถานีรถไฟใต้ดินเป็นสิ่งก่อสร้างที่ชาวรัสเซีย สามารถอวดชาวต่างชาติให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ ประวัติศาสตร์ ความเป็นชาตินิยมและวัฒนธรรมประเพณีอันงดงาม การตกแต่งของแต่ละสถานีแตกต่างกันด้วยประติมากรรม โคมไฟระย้า เครื่องแก้ว หินแกรนิต หินอ่อน
ปัจจุบัน Moscow Metro ถือเป็นหนึ่งในระบบรถไฟใต้ดินที่ เก่าแก่ เร็วที่สุด และมีผู้โดยสารมากที่สุดในโลก โดยมีเส้นทางครอบคลุมทั้งเมืองมอสโก เชื่อมต่อสถานที่สำคัญต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกสบาย
ไฮไลต์สำคัญ 7 สถานีที่สวยที่สุดของ Moscow Metro
- สถานี Komsomolskaya (Комсомольская) เป็นสถานีที่หรูหราที่สุดของ Moscow Metro โคมไฟระย้าและศิลปะบาโรก โดดเด่นด้วย เสาหินอ่อนขนาดใหญ่ และโคมไฟระย้าแบบพระราชวัง
- สถานี Mayakovskaya (Маяковская) ออกแบบในสไตล์ อาร์ตเดโค (Art Deco) ยุคสตาลิน โดดเด่นด้วย เพดานโดมโค้ง และ ภาพโมเสกของท้องฟ้ารัสเซีย
- สถานี Ploshchad Revolyutsii (Площадь Революции) เป็นอนุสาวรีย์นักปฏิวัติ จึงทำให้มีรูปปั้นบรอนซ์ของ ทหาร คอมมิวนิสต์ และประชาชนโซเวียต มากกว่า 70 รูป หากใครมาที่นี่จะต้องลูบจมูกสุนัขทหาร เชื่อกันว่าการลูบจมูกสุนัขทหารในสถานีนี้จะนำโชคดี
- สถานี Novoslobodskaya (Новослободская) ให้บรรยากาศเหมือนอยู่ใน โบสถ์ยุโรปยุคกลาง มี กระจกสี (Stained Glass) แบบโบสถ์โกธิก จำนวน 32 บาน
- สถานี Arbatskaya (Арбатская) เป็นหนึ่งในสถานีที่ ยาวที่สุดของ Moscow Metro สถานีที่มี เพดานโค้งสูง และ เสาหินอ่อนแกะสลักสุดวิจิตร ทำให้ดูหรูหราดั่งพระราชวัง
- สถานี Taganskaya (Таганская) ออกแบบโดยได้รับแรงบันดาลใจจาก ศิลปะไบแซนไทน์ เป็นศิลปะแบบรัสเซียแท้ ๆ มีลวดลายเซรามิกสีฟ้า-ขาว สไตล์รัสเซียดั้งเดิม (Gzhel Ceramics)
- สถานี Kievskaya (Киевская) ออกแบบโดยศิลปินจาก เคียฟ (Kyiv) เมืองหลวงของยูเครน มี ภาพวาดโมเสกขนาดใหญ่ แสดงถึงวัฒนธรรมรัสเซียและยูเครน เพื่อเฉลิมฉลองมิตรภาพระหว่างโซเวียตและยูเครน
💰 ค่าโดยสาร
- ตั๋วเที่ยวเดียว ประมาณ 60 รูเบิล (~25 บาท)
- บัตร Troika Card (เติมเงินได้) ราคาประหยัดกว่าตั๋วเดี่ยว
- ตั๋วแบบรายวัน มีแพ็กเกจ 1, 3, และ 7 วัน สำหรับนักท่องเที่ยว
⏰ เวลาเปิด-ปิด
- 05:30 – 01:00 น. ทุกวัน
วิธีใช้งาน
- ซื้อบัตรโดยสารที่ตู้ขายตั๋ว หรือเติมเงินในบัตร Troika
- แตะบัตรที่เครื่องอ่านก่อนเข้าสถานี
- ขึ้นรถไฟที่มาทุก 2-3 นาที (ช่วงเร่งด่วนรถไฟมาเร็วมาก)
- อ่านป้ายบอกชื่อสถานี (มีทั้งภาษารัสเซียและอังกฤษ)
แนะนำให้ดาวน์โหลดแอป Yandex Metro เพื่อดูเส้นทางและเช็กเวลารถไฟ
5. โบสถ์หยดเลือด (Church of the Savior on Spilled Blood)

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/8RJPhzWDWWEmtodb7
โบสถ์หยดเลือด (Church of the Savior on Spilled Blood, Храм Спаса на Крови, Khram Spasa na Krovi) เป็นหนึ่งในโบสถ์ที่ สวยงามที่สุดในรัสเซีย ตั้งอยู่ในเมือง เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (Saint Petersburg) โดดเด่นด้วย สถาปัตยกรรมแบบรัสเซียโบราณ (Russian Revival Style) และ โดมหัวหอมสีสันสดใส คล้ายกับวิหารเซนต์บาซิลในมอสโก
โบสถ์แห่งนี้สร้างให้เป็นเกียรติแด่พระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 2 ผู้ประกาศเลิกทาส ด้วยความหวังดีต่อประชาชน ปรากฎว่าชาวรัสเซียไม่เข้าใจ เพราะหลังเลิกทาส ชาวนากลับมีความเป็นอยู่ที่จนลง เป็นผลให้พวกชาวนารวมตัวกันว่าแผนปลงพระชนม์ โดยส่งหญิงชาวนาผู้หนึ่งติดระเบิดพลีชีพวิ่งเข้ามาขณะพระองค์เสด็จผ่าน ต่อมาบริเวณถนนที่เกิดเหตุนั้นถูกสร้างโบสถ์ครอบไว้ กลายเป็นโบสถ์หยดเลือดมาจนถึงทุกวันนี้ หลังจากการบูรณะกว่า 27 ปี ปัจจุบันนี้โบสถ์เปิดให้สาธารณชนเข้ามาเที่ยวชมอีกครั้งตั้งแต่ปี 1997 จนถึงปัจจุบัน
ไฮไลต์สำคัญภายในโบสถ์หยดเลือด
- ภาพโมเสกที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซีย ภายในโบสถ์ประดับด้วย ภาพโมเสกจากเศษหินสีและกระจก มากกว่า 7,500 ตารางเมตร
- อนุสรณ์สถานของพระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 2 โดยบริเวณที่พระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 2 ถูกลอบสังหาร ถูกเก็บรักษาไว้อย่างเดิม ภายในโบสถ์ พร้อมทั้งมี แท่นบูชาและหินปูถนนดั้งเดิม จากวันเกิดเหตุอีกด้วย
- โดมหัวหอมสีสันสดใส โบสถ์หยดเลือดมีโดม 5 โดม แต่ละโดมมีลวดลายและสีที่แตกต่างกัน โดมเหล่านี้ได้รับแรงบันดาลใจจาก โบสถ์เซนต์บาซิลในมอสโก
💰 ค่าเข้าชม
- ผู้ใหญ่ 450 รูเบิล (~180 บาท)
- นักเรียนและเด็ก 250 รูเบิล (~100 บาท)
⏰ เวลาเปิด-ปิด
- 10:30 – 18:00 น. (ปิดวันพุธ)
- ช่วงฤดูร้อน (พฤษภาคม – กันยายน) เปิดถึง 22:30 น.
6. โบสถ์โฮลี่ทรินิตี้, เมืองซากอร์ส (Holy Trinity Monastery)

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/4AbmNhoSDhxLkRn48
โบสถ์โฮลี่ทรินิตี้ หรือ Holy Trinity Monastery หรือที่รู้จักในชื่อ Holy Trinity-St. Sergius Lavra (Троице-Сергиева Лавра, Troitsky Sergiev Lavra) เป็นโบสถ์แห่งแรกของเมืองที่มียอดโดมหัวหอมสีทอง หนึ่งใน อารามที่สำคัญที่สุดของศาสนาคริสต์นิกายรัสเซียออร์โธดอกซ์ ตั้งอยู่ในเมือง ซากอร์ส (Sergiev Posad) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ “วงแหวนทองคำ” (Golden Ring) ของรัสเซีย
ชมความยิ่งใหญ่ภายในวิหารที่ถูกตกแต่งด้วย เงินและทองอย่างวิจิตรตระการตาด้วยภาพเฟรสโก้และภาพไอคอน และยังมีโลง ศพของนักบุญเซอร์กีแห่งราดอเนซ (St. Sergius of Radonezh) ที่ผู้ก่อตั้งโบสถ์โฮลี่ทรินิตี้และยังเป็นบุคคลสำคัญของคริสตจักรรัสเซียออร์โธดอกซ์ ที่ภายในบรรจุกระดูกของท่านไว้ ชมพิพิธภัณฑ์ที่ได้เก็บรวบรวมเครื่องใช้ต่างๆ มีค่ามากมายของนักบวชในสมัยก่อน ที่ใช้ตบแต่ง
โบสถ์แห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในศตวรรษที่ 14 และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลกโดยยูเนสโก (UNESCO World Heritage Site) ในปี 1993 ด้วย สถาปัตยกรรมแบบออร์โธดอกซ์อันวิจิตรและความสำคัญทางศาสนา ซึ่งในปัจจุบันนี้ ได้เป็นโรงเรียนสอนศาสนาสำหรับนักบวชต่างๆ อีกด้วย ทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางสำคัญสำหรับทั้งนักท่องเที่ยวและผู้แสวงบุญ
ไฮไลต์สำคัญของ Holy Trinity Monastery
- มหาวิหารโฮลี่ทรินิตี้ (Holy Trinity Cathedral) เป็นโบสถ์หลักและเก่าแก่ที่สุดของอาราม สร้างขึ้นในปี 1422 ภายในตกแต่งด้วย ภาพไอคอนและจิตรกรรมฝาผนังโดยศิลปินชื่อดัง Andrei Rublev
- มหาวิหารอัสสัมชัญ (Assumption Cathedral) ได้รับแรงบันดาลใจจาก มหาวิหารอัสสัมชัญในพระราชวังเครมลิน มีโดมสีฟ้าประดับดาวทองอันงดงาม
- หอระฆังสูง 88 เมตร (Bell Tower of the Lavra) เป็นหนึ่งใน หอระฆังที่สูงที่สุดในรัสเซีย มีระฆังขนาดใหญ่ที่สามารถ ส่งเสียงดังกังวานไปไกลหลายกิโลเมตร
- โบสถ์นักบุญเซราฟิม (Church of St. Seraphim of Sarov) เป็นโบสถ์ขนาดเล็กแต่มีความสำคัญทางศาสนา มีน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อกันว่า ให้ความเป็นสิริมงคลแก่ผู้ที่มาสักการะ
- พิพิธภัณฑ์ Holy Trinity Monastery จัดแสดง เครื่องราชกกุธภัณฑ์ ศาสนวัตถุ และวัตถุโบราณ ที่เกี่ยวข้องกับศาสนาออร์โธดอกซ์ ทั้งยังมีพระคัมภีร์โบราณ และของใช้ของนักบุญเซอร์กีแห่งราดอเนซอีกด้วย
💰 ค่าเข้าชม
- ค่าเข้าชมโบสถ์ ฟรี
- ค่าชมพิพิธภัณฑ์และพื้นที่พิเศษ 100-500 รูเบิล (~40-200 บาท)
⏰ เวลาเปิด-ปิด
- เปิดทุกวัน 05:00 – 21:00 น.
7. พระราชวังฤดูร้อนแคทเธอรีน (Catherine Palace, St. Petersburg)

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/TRbiXntcz9J5GQWZ7
พระราชวังฤดูร้อนแคทเธอรีน (Catherine Palace, Екатерининский дворец, Yekaterininsky dvorets) เป็นหนึ่งในพระราชวังที่งดงามและหรูหราที่สุดในรัสเซีย ตั้งอยู่ในเมือง พุชกิน (Pushkin) หรือที่เรียกว่า “Tsarskoye Selo” (หมู่บ้านของซาร์) ห่างจากเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กประมาณ 25 กิโลเมตร ถูกสร้างในสมัยพระเจ้าปีเตอร์มหาราช ให้เป็นที่พักผ่อนของมเหสีองค์โปรด พระนางแคทเธอรีนที่ 1 และจักรพรรดินีแคทเธอรีนมหาราช (Catherine the Great)
ต่อมาก็ยกให้พระธิดาอลิซาเบธในปี 1741 ได้ตกแต่งทำให้พระราชวังหรูหรามากขึ้น และสมัย พระนางแคทเธอรีนมหาราชก็ตกแต่งเพิ่มเติมขึ้นอีก ภายในเป็นอาคาร 2 ชั้น มี ห้องพักผ่อน 50 ห้อง อาทิ ห้องโถงใหญ่เป็นห้องที่สวยงาม ผลงานชิ้นเอกของ Bartolomo Carlo Rastrelli หน้าต่างประดับประดาด้วยกระจกเทียนปิดทองอร่าม ตามรูปแบบศิลปะบารอค ชมห้องอำพัน เป็นห้องที่สวยงามที่สุด ไม่ว่าจะเป็นผนัง หรือรูปภาพประดับ ก็นำอำพันมาตกแต่งทั้งหมด ห้องอาหารสีเขียว ออกแบบโดย Charles Cameron เป็นห้องที่มีลักษณะเด่นด้วยศิลปะแบบคลาสสิค
ด้วย สถาปัตยกรรมบาโรกสีฟ้าทองสุดหรู ภายในตกแต่งด้วยทองคำ และห้องอำพันที่ลึกลับ ทำให้ที่นี่เป็น จุดหมายปลายทางยอดฮิตของนักท่องเที่ยว ที่มาเยือนเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
ไฮไลต์สำคัญภายในพระราชวังแคทเธอรีน
- ห้องอำพัน (Amber Room) เป็นห้องที่ตกแต่งด้วย อำพันแท้สีทองน้ำผึ้ง ผสมผสานกับกระจกและทองคำ ถูกขนานนามว่า “สิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลก” ห้องต้นฉบับถูก นาซีเยอรมันขโมยไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และยังหายสาบสูญมาจนถึงทุกวันนี้
- ห้องแกรนด์บอลรูม (Great Hall / Grand Hall) เป็น ห้องจัดงานเลี้ยงที่ใหญ่ที่สุดของพระราชวัง เพดานสูงและประดับกระจกเงาทั้งห้องเพื่อสะท้อนแสงเทียน มีจิตรกรรมฝาผนังอลังการโดยศิลปินชั้นนำของรัสเซีย
- ห้องสีทอง (Golden Enfilade) เป็นห้องที่ตกแต่งด้วยทองคำเปลวและลวดลายบาโรก เชื่อมต่อไปยังห้องอำพันและห้องอื่น ๆ ของพระราชวัง
- สวนพระราชวังแคทเธอรีน (Catherine Park) มีทั้ง สวนแบบอังกฤษและสวนแบบฝรั่งเศส ที่ออกแบบอย่างสวยงาม มี ทะเลสาบและศาลาพักผ่อน เช่น Grotto Pavilion และ Cameron Gallery
- พระราชวังอเล็กซานเดอร์ (Alexander Palace) เป็นที่ประทับของ ซาร์นิโคลัสที่ 2 และราชวงศ์โรมานอฟ ก่อนถูกโค่นล้ม ปัจจุบันได้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่แสดงเรื่องราวของราชวงศ์รัสเซีย
💰 ค่าเข้าชม
- พระราชวัง 1,500 รูเบิล (~600 บาท)
- สวนสาธารณะและสวนพระราชวัง ฟรี (บางโซนมีค่าเข้าชมเล็กน้อย)
⏰ เวลาเปิด-ปิด
- 10:00 – 18:00 น. (ปิดวันอังคาร)
- ช่วงฤดูร้อน (มิถุนายน – กันยายน) คนเยอะมาก แนะนำให้จองตั๋วล่วงหน้า
8. พิพิธภัณฑ์เฮอร์มิเทจ (Hermitage Museum) หรือ พระราชวังฤดูหนาว

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/1n5QTYZn1HKLezjG7
พิพิธภัณฑ์เฮอร์มิเทจ (Hermitage Museum, Государственный Эрмитаж, Gosudarstvenny Ermitazh) หรือที่เรียกกันว่า “พระราชวังฤดูหนาว” (Winter Palace) เป็นหนึ่งใน พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดในโลก ตั้งอยู่ที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เคยเป็นที่ประทับของ ราชวงศ์โรมานอฟ ก่อนการปฏิวัติรัสเซียในปี 1917 และปัจจุบันเป็น แหล่งรวมศิลปะระดับโลกกว่า 3 ล้านชิ้น จากหลากหลายยุคสมัย ตั้งแต่ ศิลปะยุคอียิปต์โบราณจนถึงศิลปะยุโรปยุคเรอเนซองส์ ซึ่งต้องใช้เวลามากกว่า 5 ปี ในการเที่ยวชม ได้รับการบันทึกลงใน กินเนสส์บุค ว่าเป็นหอศิลป์ที่มีงานสะสมมากชิ้นที่สุดในโลก ถือเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่สวยงามที่สุด เก่าแก่ที่สุด และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ไฮไลต์สำคัญภายในพิพิธภัณฑ์เฮอร์มิเทจ
- พระราชวังฤดูหนาว (Winter Palace) สถาปัตยกรรม บาโรกสุดอลังการ ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาลี Francesco Rastrelli เป็นที่ประทับของซาร์รัสเซียและศูนย์กลางการปกครองของจักรวรรดิ มีห้องกว่า 1,000 ห้อง ตกแต่งด้วย ทองคำ อัญมณี และกระจกเงา
- คอลเลกชันศิลปะระดับโลก (Hermitage Art Collection) มีผลงานศิลปะมากกว่า 3 ล้านชิ้น รวมถึงภาพวาด ประติมากรรม และวัตถุโบราณ
- ห้องพาวิลเลียน (Pavilion Hall) มีเพดานโดมสูง ประดับด้วย โคมไฟระย้าคริสตัลสุดอลังการ เป็นที่ตั้งของ นาฬิกานกยูงทองคำ (Peacock Clock) นาฬิกากลไกอัตโนมัติจากศตวรรษที่ 18
- ห้องมัลลาคิท (Malachite Room) เป็นห้องรับรองของ จักรพรรดินีแคทเธอรีนมหาราช ตกแต่งด้วย หินมรกต (Malachite) สีเขียวสดจากเทือกเขาอูราล
- คอลเลกชันอียิปต์โบราณ (Egyptian Antiquities) จัดแสดง มัมมี่ ฟาโรห์ และศิลปะอียิปต์โบราณ มี รูปสลักเทพธิดาไอซิส และโลงศพฟาโรห์โบราณ
- คอลเลกชันสมบัติโรมานอฟ (Treasure Gallery & Gold Room) จัดแสดงเครื่องราชกกุธภัณฑ์ เครื่องเพชร และสมบัติของราชวงศ์รัสเซีย มี มงกุฎเพชรของซาร์ และเครื่องประดับที่ได้รับอิทธิพลจากเปอร์เซียและอินเดีย
💰 ค่าเข้าชม
- ผู้ใหญ่ 800 รูเบิล (~320 บาท)
- นักเรียนและเด็ก เข้าชมฟรี
- เข้าชมฟรีทุกวันพฤหัสบดีแรกของเดือน
⏰ เวลาเปิด-ปิด
- 10:30 – 18:00 น. (วันอังคาร, พฤหัสบดี, เสาร์, อาทิตย์)
- 10:30 – 21:00 น. (วันพุธ, ศุกร์)
- ปิดทุกวันจันทร์
เกร็ดน่ารู้ก่อนไปรัสเซีย
เที่ยวรัสเซียไม่ต้องขอวีซ่า
สำหรับการไปรัสเซียนั้น ทางการรัสเซียนั้นอนุญาตให้คนไทยสามารถเข้าไปเที่ยวรัสเซียโดยไม่ต้องขอวีซ่ารัสเซียได้นานถึง 30 วัน แต่บางครั้งเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจะสุ่มถามและขอหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นถ้าเราอยากผ่าน ตม.แบบง่ายๆ ควรเตรียมหลักฐานการจองโรงแรม รวมถึงตั๋วเครื่องบินขาออกจากรัสเซียเพื่อยื่นให้เจ้าหน้าที่ดูด้วย และที่สำคัญพาสปอร์ตที่ใช้นั้นมีอายุคงเหลืออย่างน้อย 6 เดือน
สกุลเงิน
รัสเซียใช้สกุลเงิน “รูเบิล” 1 รูเบิล = ประมาณ 0.48 บาท สามารถหาแลกได้จากเมืองไทย แต่ในกรณีที่ไม่สามารถแลกได้ กรุณาเตรียมเงินยูเอสดอลล่าร์ไป เพื่อนำไปแลกที่รัสเซีย 1 ยูเอสดอลล่าร์ = ประมาณ 62 รูเบิล / 1 ยูโร = ประมาณ 69 รูเบิล (www.xe.com)
เครดิตการ์ด
ร้านค้าส่วนใหญ่รับบัตรเครดิต เช่น อเมริกันเอ็กซ์เพรส,ไดเนอร์,วีซ่า,มาสเตอร์ โดยไม่มีการชาร์ทเพิ่ม ควรแจ้งสำนักงานบัตรเครดิตหรือธนาคารที่ออกบัตรเครดิตว่าท่านไปยุโรป หากยังไม่แจ้งแล้วนำไปใช้บางครั้งใช้เวลาตรวจสอบนาน
ไฟฟ้า
ใช้กระแสไฟฟ้า 220 โวลต์ ควรเตรียม Universal Adaptor ไปด้วย ปลั๊กไฟรัสเซียจะเป็นปลั๊กกลมแบบ 2 ขา ใครไปเที่ยวรัสเซียก็อย่าลืมเตรียมไปด้วยนะคะ
สนใจเลือกเที่ยวรัสเซียไปกับ GoTogetherTravel ผู้นำด้านการท่องเที่ยว
ช่องทางติดต่อได้ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 9.00 -17.00 น.
Line: @GoTogetherTravel
โทร: 02-214-6088 , 081-405-9726