แสงเหนือ หรือ แสงออโรร่า เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่สวยงามและน่าตื่นตาตื่นใจที่สุดมหัศจรรย์ มีลักษณะเป็นแสงสีต่างๆ ที่พริ้วไหวบนท้องฟ้า โดยเกิดจากการที่อนุภาคไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์มาชนกับก๊าซในชั้นบรรยากาศโลก แสงเหนือจะปรากฏขึ้นได้ทั้งขั้วโลกเหนือและใต้ แต่จะมองเห็นได้ชัดเจนในช่วงที่ท้องฟ้ามืดสุด โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่กลางคืนยืดยาวขึ้น การไปชมแสงเหนือเป็นความฝันของผู้คนหลายๆ คน เพราะไม่ใช่ทุกที่ในโลกที่จะได้เห็นปรากฏการณ์อันวิเศษนี้ แต่ละที่งดงามราวกับหลุดมาจากโลกแฟนตาซีเลยทีเดียว
5 ประเทศ ชมแสงเหนือสุดฟิน ความฝันที่อยากจะเห็น ปักหมุดไว้ในใจ วันหนึ่งจะไป
สำหรับใครที่ฝันอยากเห็นแสงเหนือสักครั้งในชีวิต เรามี 5 ประเทศที่มีโอกาสเห็นแสงเหนือได้สูงมาแนะนำ รับรองว่าคุณจะประทับใจจนต้องอยากกลับมาอีกครั้งอย่างแน่นอน
1.ประเทศไอซ์แลนด์
แสงเหนือเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่น่าตื่นตาตื่นใจ และไม่มีที่ไหนในโลกที่เหมาะกับการชมแสงเหนือมากกว่าประเทศไอซ์แลนด์ ประเทศที่มีธรรมชาติสวยงาม อากาศบริสุทธิ์ และความกว้างขวางของท้องฟ้า ในช่วงฤดูหนาว คุณจะได้เห็นแสงออโรร่าที่สีสันสดใส กระจายตัวอย่างวิจิตรบนพื้นผ้าดำของค่ำคืน แสงเหนือเป็นผลมาจากการปฏิกิริยาของอนุภาคพลังงานจากดวงอาทิตย์กับชั้นบรรยากาศของโลก และมีลักษณะแตกต่างกันไปตามสี รูปร่าง และความเข้มข้น คุณจะได้สัมผัสความประหลาดใจของแสงเหนือได้ทุกทิศทาง เพียงแค่มองขึ้นไปที่ท้องฟ้า อย่างเช่น
-เรคยาวิก (Reykjavik) เป็นเมืองหลวงของประเทศไอซ์แลนด์ ที่ตั้งอยู่ในทวีปยุโรป และใกล้ขั้วโลกเหนือ เมืองนี้มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี เรคยาวิกเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาและวัฒนธรรมที่หลากหลาย และยังเป็นจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรม พิพิธภัณฑ์ หรือสวนสาธารณะ แต่สิ่งที่ทำให้เรคยาวิกเป็นเมืองที่โด่ดเด่นไม่เหมือนใคร คือการได้ชมแสงออโรร่าที่สวยงามอย่างไม่น่าเชื่อ ในช่วงเดือนกันยายนถึงเดือนเมษายน เมื่อค่ำคืนลง เรคยาวิกจะถูกปกคลุมด้วยความมืด ซึ่งเป็นสภาพที่สร้างโอกาสให้แสงออโรร่าประกายไปทั่วท้องฟ้า และสะท้อนไปบนดวงดาว ไม่ว่าจะอยู่ในจุดใด คุณก็จะได้ชื่นชมแสงเหนือได้แบบเต็มๆ
-ภูเขาคีร์กจูเฟล (Kirkjufell) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังของไอซ์แลนด์ ที่มีลักษณะเป็นภูเขาสูงรูปสามเหลี่ยม และมีวิวทะเลสีครามและน้ำตกสวยงามที่ไหลลงจากผาสูง ไม่ว่าจะไปในฤดูใด ก็จะได้สัมผัสกับบรรยากาศทิวทัศน์ที่สวยงามและอารมณ์ที่แปลกตา แต่ถ้าอยากเห็นแสงเหนือที่ประกายบนท้องฟ้าพร้อมกับภูเขา ที่โผล่ออกมาจากหมอก ก็ต้องไปช่วงเดือนกันยายน-เมษายน เพราะจะได้ชมได้ชัดที่สุด
2.ฟินแลนด์
ฟินแลนด์ นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่หลายคนฝันถึง เพราะมีความสวยงามของแสงเหนือที่ประดับฟ้า อยากสัมผัสความวิเศษของแสงเหนือ คุณต้องมาที่นี่ ฟินแลนด์ จะทำให้คุณต้องประทับใจกับการล่าแสงเหนือ
ชาวฟินแลนด์เรียกแสงเหนือว่า Revontulet หรือ “ไฟของหมี” เพราะเชื่อว่ามันเกิดจากหมีขั้วโลกที่กระตุ้นไฟให้ประกาย แสงเหนือในฟินแลนด์มีสีต่างๆ เช่น เขียว เหลือง ชมพู และม่วง จะเห็นแสงเหนือที่ประกายสีสันสดใสในช่วง กันยายน-มีนาคม เพราะเป็นเวลาที่เหมาะที่สุด อากาศจะไม่มีความชื้น ความร้อน หรือแสงสว่างที่บังตา จะได้ชื่นชมความสวยงามของแสงเหนือได้อย่างเต็มที่ เป็นแสงเหนือในฝัน แนะนำ ที่
-เมืองเลวิ (Levi)
เมืองเลวี (Levi) เป็นเมืองที่มีความงดงามและน่าสนใจอย่างมากในประเทศฟินแลนด์ เป็นเมืองที่เหมาะที่จะได้เห็นแสงเหนือที่สวยงามและน่าตื่นตาตื่นใจ อยากจะได้สัมผัสประสบการณ์การนอนชมแสงเหนือในบรรยากาศที่อบอุ่นและโรแมนติก แนะนำให้คุณไปพักที่ เลวิ เมืองที่มีสกีรีสอร์ตขนาดใหญ่ที่สุดในฟินแลนด์ ในห้องพักที่มีลักษณะเป็นโดมคล้ายกับบ้านของชาวเอสกิโม หรือ อิกลู (Igloo) แต่มีความพิเศษตรงที่หลังคาเป็นกระจกใส ทำให้คุณสามารถชมแสงเหนือได้ตลอดเวลา แบบเต็มๆ บรรยากาศโรแมนติก ไม่ว่าจะเป็นก่อนหลับหรือตื่นขึ้น เป็นการพักผ่อนที่ไม่ธรรมดาและไม่ควรพลาด ยิ่งไปกว่านั้น เมืองเลวิยังมีกิจกรรมท่องเที่ยวฤดูหนาวให้คุณได้เลือกทำได้ไม่ว่าจะเป็น การเล่นสกี การตกปลาบนแผ่นน้ำแข็ง การขี่รถลากโดยสุนัขฮัสกี้ และอื่น ๆ อีกมากมาย
-เมืองโรวาเนียมิ (Rovaniemi)
เมืองโรวาเนียมิ ที่เป็นศูนย์กลางของแลปแลนด์ (Lapland) เป็นหนึ่งในสถานที่ที่คนรักธรรมชาติอยากจะไปสัมผัสความงดงามของแสงเหนือ ที่เป็นฝันของหลายๆ คน แม้ว่าจะต้องเดินทางไกลจากเมืองใหญ่ แต่ก็ไม่ผิดหวังเลยกับความสวยงามที่ไม่มีใครเหมือน ไม่เพียงแค่นั้น ยังได้สัมผัสบรรยากาศของวันคริสต์มาสที่อบอุ่นและสดใส ได้เห็นหมู่บ้านซานตาคลอส (Santa village) หรือ บ้านเกิดของลุงซานต้าที่ใจดี ได้คุยกับลุงซานต้าที่น่ารักและเป็นกันเอง และได้ชื่นชมความสูงของป่าสนและความกว้างของผืนฟ้า เป็นพื้นที่ที่เงียบสงบและสะอาด เหมือนอยู่ในโลกอื่น ถ้าได้มาในช่วงกันยายน-เมษายน เราจะได้พบกับการแสดงของแสงเหนือที่วิบวับบนท้องฟ้าได้อย่างไม่ต้องผิดหวัง
3.นอร์เวย์
นอร์เวย์ยังเป็นหนึ่งในประเทศที่สามารถชมแสงออโรร่าที่สวยงามมีเสน่ห์และน่าตื่นเต้นได้ เพราะตั้งอยู่ใกล้ขั้วโลกเหนือ และมีฤดูหนาวที่ยาวนาน โดยเฉพาะในช่วงปลายเดือนกันยายน – มีนาคม เป็นช่วงที่แสงออโรร่าปรากฏบ่อยที่สุด แถบเหนือของประเทศนี้ มีจุดชมแสงออโรร่าที่ดี และการเดินทางไม่ยุ่งยาก และยังมีเมืองหลายแห่งที่เหมาะสำหรับการชื่นชมปรากฏการณ์แสงออโรร่า เช่น
-ทรอมโซ (Tromso) เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงใน นอร์เวย์ ที่คนมาเพื่อชม พระอาทิตย์เที่ยงคืน และ แสงเหนือ ที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวหลายคน จะได้สัมผัสถึงความสงบและบรรยากาศโรแมนติก ได้ชมความงดงามของแสงเหนือจากทุกทิศทางของเมือง ซึ่งไม่ต้องแปลกใจ เพราะทรอมโซตั้งอยู่ใกล้ขั้วโลกเหนือเพียง 217 ไมล์เท่านั้น ยิ่งเป็นช่วงฟ้าใส จะได้เห็นปรากฏการณ์แสงออโรร่าที่ส่องสว่างให้กับท้องฟ้า เหมือนว่าจะเข้าไปในโลกแห่งความฝัน
-เมือง Andenes เป็นเมืองที่สวยงามและเหมาะสำหรับการตามหาแสงเหนือ ที่นี่คือหนึ่งในจุดที่ดีที่สุดในโลกที่คุณจะได้เห็นฟ้าสว่างไสวด้วยแสงเหนือ หรือ Aurora Borealis เมื่อคืนมืดลง คุณจะได้สัมผัสกับความประหลาดใจของธรรมชาติที่ไม่เหมือนใคร และทำให้คุณอยากกลับมาอีก นอกจากนี้ คุณยังมีโอกาสได้ชมปลาวาฬ และช้างเผือก ที่เป็นสัตว์ทะเลที่น่ารัก และเป็นมิตร คุณจะได้เห็นพวกเขาอยู่ใกล้ๆได้อีกด้วย
4.สวีเดน
สวีเดน เป็นประเทศที่มีความงดงามของธรรมชาติในภูมิภาคสแกนดิเนเวีย และเป็นที่นิยมของผู้ที่ชื่นชอบการสัมผัสแสงเหนือ หรือแสงออโรร่า ที่ปรากฏในบริเวณทางเหนือของประเทศ คุณจะได้เห็นแสงเหนือที่วิจิตร พร้อมกับภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ น้ำแข็งที่สะท้อนแสง และทะเลสาบที่อันดับต้นๆของโลก สวีเดนมีสถานที่ชมแสงเหนือที่โด่งดังหลายแห่ง เช่น
-Aurora Sky Station เป็นสถานีชมแสงเหนือที่ตั้งอยู่บนยอดภูเขาในอุทยานแห่งชาติอบิสโก Abisko National Park คุณจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อขึ้นไปยังสถานีที่มีความสูงถึง 900 เมตรจากระดับน้ำทะเล ที่นี่คุณจะได้เห็นแสงเหนือที่สวยงามและสีสันสดใส อุทยานแห่งชาติอบิสโก เป็นที่รู้จักว่ามีท้องฟ้าที่ใสล้ำลึก ซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยให้การชมแสงเหนือได้ง่ายขึ้น และมีโอกาสเห็นได้บ่อยขึ้น เวลาที่เหมาะสมที่สุดในการชมแสงเหนือคือระหว่างเดือนกันยายน-เมษายน ถ้าคุณชอบการผจญภัย คุณยังสามารถลองกิจกรรมต่างๆ เช่น เดินป่า ปีนเขา เล่นสกีหิมะ หรือขี่รถลากเลื่อนสุนัขได้
5.รัสเซีย
รัสเซีย เป็นประเทศที่น่าไปล่าแสงเหนือ เพราะไม่ต้องเสียเวลาขอวีซ่า และยังมีบ้านเมืองสวยงาม สถาปัตยกรรมอลังการ ให้ชมอีกด้วย แสงเหนือในที่นี่จะปรากฏช่วงฤดูหนาวที่มีความยาวของกลางคืนเพิ่มขึ้น ตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนมีนาคม อากาศจะหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุดอาจติดลบถึง -20 องศาเซลเซียส แต่ก็คุ้มค่ากับการได้ชมแสงออโรร่าที่สวยงาม พิกัดที่แนะนำให้ไปชมได้คือ
-เมืองมูรมานสก์ (Murmansk) ที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศ
บนเนินเขาริม อ่าว Kola Bay เป็นเมืองหนึ่งที่คุณไม่ต้องไปไกลจากเมืองเพื่อชมแสงเหนือ เป็นเมืองที่เงียบสงบและเหมาะกับคนที่ชื่นชอบความเป็นส่วนตัวและผ่อนคลายกับธรรมชาติ คุณจะต้องเชื่อว่ามันสวยงามจนไม่อยากพลาดการมองดู นอกจากการไล่ตามแสงเหนือแล้ว ยังมีกิจกรรมต่างๆในฤดูหนาวที่สนุกสนานรอคุณอยู่ เช่น การตกปลาใต้น้ำแข็ง การขับรถสโนโมบิลผ่าหิมะ หรือการขี่รถลากโดยสุนัขไซบีเรียนฮัสกี้และกวางเรนเดีย
-เมืองกีรอฟสก์ (Kirovsk) เป็นเมืองที่อยู่ทางใต้ของเมืองมูรมานสก์ และเป็นเมืองที่เหมาะสำหรับการผจญภัยกลางธรรมชาติ เพราะเมืองนี้ตั้งอยู่บนเทือกเขาคิบินี (Khibiny) ที่สูงและสวยงาม เมื่อฤดูหนาวถึง เมืองนี้จะเปลี่ยนเป็นสวรรค์ของผู้ชื่นชอบการสกีและการล่าแสงเหนือ เพราะอุณหภูมิจะต่ำลงอย่างมาก และท้องฟ้าจะแจ่มใส เปิดโอกาสให้คุณได้ชื่นชมความงดงามของแสงที่วิบวับไปมาบนโลก
ช่วงเวลาไหนดีที่สุดในการชมแสงเหนือ?
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมแสงเหนือคือช่วงฤดูหนาว (เดือนตุลาคม-เมษายน) เนื่องจากเป็นช่วงที่ท้องฟ้ามืดสนิทและมีโอกาสเห็นแสงเหนือได้มากที่สุด โดยแสงเหนือสามารถมองเห็นได้ตั้งแต่ช่วงเย็นจนถึงเช้า
หากต้องการเพิ่มโอกาสในการมองเห็นแสงเหนือ สามารถทำได้โดยเลือกสถานที่ที่ห่างไกลจากแสงรบกวน ท้องฟ้าปลอดโปร่ง และไม่มีเมฆปกคลุม
นอกจากนี้ ยังสามารถเพิ่มโอกาสในการมองเห็นแสงเหนือได้ด้วยการใช้แอปพลิเคชันพยากรณ์แสงเหนือ ซึ่งสามารถช่วยบอกได้ว่ามีโอกาสเห็นแสงเหนือหรือไม่ และควรไปชมแสงเหนือที่ไหนดี
เคล็ดลับในการชมแสงเหนือ
การชมแสงเหนือนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น สภาพอากาศ ช่วงเวลา และสถานที่ โดยเคล็ดลับในการชมแสงเหนือให้มีโอกาสเห็นมากที่สุด มีดังนี้
- ช่วงเวลา แสงเหนือสามารถมองเห็นได้ตลอดทั้งปี แต่ช่วงเวลาที่มีโอกาสเห็นแสงเหนือได้สูงที่สุดคือช่วงฤดูหนาว (เดือนตุลาคม-มีนาคม)
- เลือกสถานที่ที่เหมาะสมในการชมแสงเหนือ โดยควรเลือกสถานที่ที่มีพื้นที่เปิดโล่ง ไม่มีสิ่งกีดขวาง และอยู่ห่างจากแสงไฟรบกวน
- เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมสำหรับการชมแสงเหนือ เช่น กล้องถ่ายรูปที่มีเลนส์ไวด์ ขาตั้งกล้อง และเครื่องกันหนาว
- สถานที่ ควรเลือกสถานที่ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศที่มีโอกาสเห็นแสงเหนือสูง
- สภาพอากาศ แสงเหนือจะมองเห็นได้ง่ายหากท้องฟ้าโปร่งใสไร้เมฆฝน
สรุป
แสงเหนือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่งดงามและน่าอัศจรรย์ หากมีโอกาสได้ไปสัมผัสสักครั้งในชีวิต รับรองว่าจะต้องประทับใจไม่รู้ลืม อย่าลืมปักหมุดประเทศเหล่านี้ไว้ในใจ แล้ววันหนึ่งจะได้ออกตามล่าแสงเหนือกัน