หากคุณนั้นต้องการ “เที่ยวอินเดีย” ดินแดนแห่งความหลากหลายที่ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมโบราณ ธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ และความหรูหราทันสมัยได้อย่างลงตัว ไม่ว่าคุณจะเป็นสายธรรมชาติ สายมู หรืออยากสัมผัสความหรูหราสไตล์อินเดีย บทความนี้ gotogethertravel ได้รวบรวมคำตอบไว้ให้คุณแล้ว พร้อมอัปเดตสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมล่าสุดในปี 2025 ที่คุณไม่ควรพลาดอย่างแน่นอน
สนใจเลือกเที่ยวอินเดียไปกับ GoTogetherTravel ผู้นำด้านการท่องเที่ยว
Line: @GoTogetherTravel โทร: 02-214-6088 , 081-405-9726
1. เที่ยวอินเดีย สายธรรมชาติ สัมผัสความงดงามของผืนป่าและภูเขา
อินเดียมีธรรมชาติที่หลากหลาย ตั้งแต่ภูเขาสูงเสียดฟ้าไปจนถึงทะเลทรายกว้างใหญ่ โดยสถานที่เที่ยวเกี่ยวกับธรรมชาติยอดนิยมในปี 2025 นี้นั้นจะมีดังต่อไปนี้
1.1) เลห์ ลาดักห์ (Leh-Ladakh) สัมผัสดินแดนแห่งขุนเขา สวรรค์บนดินที่นักเดินทางห้ามพลาด
เลห์ ลาดักห์ (Leh-Ladakh) เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดในอินเดีย ด้วยภูมิประเทศที่โดดเด่นเหนือคำบรรยาย มีทั้งเทือกเขาสูงเสียดฟ้า ทะเลสาบสีฟ้าใส และวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวลาดักห์ หากคุณกำลังมองหาสถานที่เที่ยวที่ผสมผสานระหว่างธรรมชาติ ความสงบ และการผจญภัย เลห์ ลาดักห์ คือคำตอบที่คุณต้องไม่พลาด มาดูกันว่า เลห์ ลาดักห์ มีอะไรที่ทำให้ผู้คนทั่วโลกหลงรักกันนะ
1. เสน่ห์ของเลห์ ลาดักห์
ธรรมชาติที่เหมือนหลุดออกมาจากภาพฝัน
- ทะเลสาบพันกอง (Pangong Lake) ทะเลสาบน้ำเค็มที่ตั้งอยู่สูงกว่า 4,350 เมตร สีฟ้าสวยสดของทะเลสาบเปลี่ยนเฉดสีไปตามแสงแดด ถือเป็นสถานที่ที่ต้องไปถ่ายรูปให้ได้
- ทะเลสาบโซมอริริ (Tso Moriri Lake) อีกหนึ่งทะเลสาบที่ล้อมรอบด้วยภูเขา เป็นจุดชมวิวที่สวยงามและสงบ
- หุบเขานูบร้า (Nubra Valley) ทะเลทรายสูงที่มีเนินทรายล้อมรอบโดยเทือกเขาหิมาลัย กิจกรรมยอดฮิตที่นี่คือขี่อูฐสองหนอก
วัฒนธรรมที่อบอุ่นและน่าหลงใหล
- วัดเฮมิส (Hemis Monastery) วัดพุทธทิเบตที่ใหญ่ที่สุดในลาดักห์ เป็นสถานที่ที่นักเดินทางสายมูเตลูต้องมา
- เทศกาลลาดักห์ เทศกาลที่จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวัฒนธรรมท้องถิ่น มีการแสดงดนตรี การเต้นรำ และงานศิลปะ
การผจญภัยที่ท้าทาย
- ถนนคาร์ดุงลา (Khardung La Pass) ถนนที่ได้ชื่อว่าสูงที่สุดในโลก (5,359 เมตร) เป็นจุดหมายที่นักผจญภัยต้องมาเพื่อพิชิต
- ล่องแก่งในแม่น้ำซันสการ์ (Zanskar River) สัมผัสความตื่นเต้นในสายน้ำที่ไหลผ่านช่องเขาสูง
2. เคล็ดลับการเที่ยวเลห์ ลาดักห์ให้ประทับใจ
- เตรียมตัวเรื่องอากาศ
- อุณหภูมิที่ลาดักห์อาจต่ำถึง 0°C แม้ในฤดูร้อน ควรเตรียมเสื้อกันหนาวให้พร้อม
- ค่อย ๆ ปรับตัวกับความสูง
- อย่ารีบทำกิจกรรมหนักในวันแรก ควรพักผ่อนและดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อปรับร่างกาย
- พกของจำเป็น
- ยารักษาโรคส่วนตัว อาหารว่าง และแบตสำรอง เนื่องจากบางพื้นที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์หรือไฟฟ้า
3. ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเที่ยวเลห์ ลาดักห์
- พฤษภาคม – กันยายน ช่วงหน้าร้อนที่อากาศเย็นสบาย และถนนหนทางเปิดให้เดินทางสะดวก
- ฤดูหนาว (พฤศจิกายน – กุมภาพันธ์) สำหรับนักเดินทางที่ชื่นชอบความเงียบสงบและหิมะปกคลุม
1.2) เกรละ (Kerala) สัมผัส “God’s Own Country” ดินแดนแห่งพระเจ้า
เกรละ (Kerala) รัฐทางตอนใต้ของอินเดีย ที่ได้รับการขนานนามว่า “God’s Own Country” หรือดินแดนแห่งพระเจ้า ด้วยภูมิประเทศที่หลากหลาย ตั้งแต่ทะเลสาบอันเงียบสงบ ไปจนถึงภูเขาเขียวขจี เกรละเต็มไปด้วยเสน่ห์ของธรรมชาติ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตที่น่าหลงใหล หากคุณกำลังมองหาปลายทางที่ผสมผสานความสงบและความตื่นเต้น เกรละ คือสถานที่ที่ตอบโจทย์ที่สุดเลยแหละ มาดูกันว่าที่นี่มีอะไรที่ทำให้คุณต้องไปสัมผัสให้ได้กันเลย
1. ล่องเรือในอันตราแบควอเตอร์ (Alleppey Backwaters)
- ไฮไลต์ การล่องเรือในเฮาส์โบ๊ท (Houseboat) ผ่านเครือข่ายคลองและทะเลสาบในเมืองอัลเลปปี (Alleppey) เป็นประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร
- เพลิดเพลินกับวิวทิวทัศน์ของนาข้าว หมู่บ้านชาวประมง และต้นมะพร้าว
- ลิ้มรสอาหารท้องถิ่นที่ปรุงสดใหม่บนเรือ เช่น แกงปลาสไตล์เกรละ
- เหตุผลที่ควรไป คุณจะได้สัมผัสความสงบเงียบของธรรมชาติในแบบที่หาที่ไหนไม่ได้
2. สัมผัสความงดงามของเขามุนนาร์ (Munnar)
- ไฮไลต์
- มุนนาร์เป็นเมืองภูเขาที่ล้อมรอบด้วยไร่ชาขนาดใหญ่และป่าที่เขียวขจี
- เดินป่าไปยัง Anamudi Peak ยอดเขาที่สูงที่สุดในอินเดียตอนใต้
- เยี่ยมชม Tata Tea Museum เรียนรู้กระบวนการผลิตชาคุณภาพสูง
- เหตุผลที่ควรไป สำหรับคนรักธรรมชาติและอากาศเย็นสบาย มุนนาร์เป็นจุดหมายที่คุณไม่ควรพลาด
3. ชายหาดวิลลิงตัน (Varkala Beach)
- ไฮไลต์
- หาดทรายขาวที่เงียบสงบพร้อมหน้าผาสูงชันที่มีวิวทะเลอันงดงาม
- เหมาะสำหรับการเล่นโยคะ การทำสมาธิ หรือเพียงแค่นั่งชมพระอาทิตย์ตก
- มีร้านค้าและคาเฟ่ที่ให้บริการอาหารทะเลสด ๆ และเมนูพื้นเมือง
- เหตุผลที่ควรไป หาดวิลลิงตันเป็นที่หลีกหนีความวุ่นวาย เหมาะสำหรับการพักผ่อนทั้งกายและใจ
4. ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเที่ยวเกรละ
- พฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ อากาศเย็นสบาย เหมาะสำหรับการเที่ยวธรรมชาติและกิจกรรมกลางแจ้ง
- มิถุนายน – กันยายน ฤดูมรสุม เหมาะสำหรับการสัมผัสบรรยากาศเขียวชอุ่ม และเข้าร่วมพิธีกรรมอายุรเวท
5. เคล็ดลับการเดินทางในเกรละ
- การเดินทาง
- สนามบินโคชิ (Cochin International Airport) เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุด
- ใช้บริการรถเช่าสำหรับการเดินทางระหว่างเมือง
- ที่พัก
- รีสอร์ตริมน้ำในอัลเลปปี
- โฮมสเตย์บนภูเขาในมุนนาร์
- เตรียมตัวสำหรับวัฒนธรรมท้องถิ่น
- พกเสื้อผ้าที่เหมาะสมสำหรับการเข้าวัดหรือพิธีกรรม
1.3) ป่ากันหา (Kanha National Park) สัมผัสป่าในตำนานเมาคลีลูกหมาป่า
หากคุณหลงใหลในธรรมชาติและอยากสัมผัสประสบการณ์การชมสัตว์ป่าอย่างใกล้ชิด ป่ากันหา (Kanha National Park) ในรัฐมัธยประเทศ (Madhya Pradesh) ของอินเดีย คือจุดหมายปลายทางที่คุณไม่ควรพลาด ที่นี่เป็นแรงบันดาลใจให้กับเรื่องราว “เมาคลีลูกหมาป่า” (The Jungle Book) ของ Rudyard Kipling และยังถือเป็นหนึ่งในอุทยานแห่งชาติที่สวยงามและดีที่สุดในอินเดีย
มาดูกันว่า ป่ากันหา มีอะไรที่น่าสนใจและจะทำให้การเดินทางของคุณเป็นการผจญภัยที่ไม่เหมือนใคร
1. เสน่ห์ของป่ากันหา
สัตว์ป่าในตำนาน
- เสือเบงกอล (Bengal Tiger) เสือสายพันธุ์ที่เป็นสัญลักษณ์ของอินเดีย คุณมีโอกาสสูงที่จะได้พบเสือเบงกอลในธรรมชาติ
- กวางบาราซิงก้า (Barasingha) หรือที่เรียกกันว่า “กวางหนองน้ำ” เป็นสัตว์สัญลักษณ์ของอุทยาน
- สัตว์ป่าอื่น ๆ ช้างอินเดีย เสือดาว หมาใน และนกกว่า 300 สายพันธุ์
ป่าที่หลากหลายและงดงาม ป่ากันหาเป็นบ้านของต้นไม้สูงใหญ่ ทุ่งหญ้าสะวันนา และแม่น้ำที่ไหลผ่าน ทำให้ที่นี่เต็มไปด้วยความหลากหลายทางธรรมชาติ
2. กิจกรรมที่ต้องลองในป่ากันหา
ซาฟารีชมเสือ (Tiger Safari)
- การนั่งรถจี๊ปซาฟารีในอุทยานเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
- ซาฟารีมีทั้งในช่วงเช้าและเย็น ซึ่งเป็นเวลาที่สัตว์ป่าออกหากิน
- คุณสามารถเลือกไกด์ที่มีประสบการณ์เพื่อเพิ่มโอกาสในการเจอเสือและสัตว์ป่าอื่น ๆ
เดินป่าและศึกษาธรรมชาติ
- เส้นทางเดินป่าที่นี่เหมาะสำหรับคนรักธรรมชาติที่อยากสัมผัสป่าอย่างใกล้ชิด
- เรียนรู้เกี่ยวกับพืชพรรณและสัตว์ท้องถิ่น พร้อมกับฟังเสียงธรรมชาติที่เงียบสงบ
เยี่ยมชมหมู่บ้านท้องถิ่น
- หมู่บ้านใกล้อุทยานเปิดโอกาสให้คุณได้สัมผัสวิถีชีวิตของชาวบ้านและศิลปะพื้นบ้าน
- ลองลิ้มรสอาหารอินเดียท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์
3. เดินทางไปป่ากันหาอย่างไร?
- สนามบินที่ใกล้ที่สุด สนามบินจาบัลปูร์ (Jabalpur Airport) อยู่ห่างประมาณ 165 กิโลเมตร
- การเดินทางทางถนน
สามารถเช่ารถหรือใช้บริการแท็กซี่จากเมืองใกล้เคียง เช่น จาบัลปูร์ หรือเนาคอนดา (Nainpur) - ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการไป
- ตุลาคม – มิถุนายน เป็นช่วงที่อุทยานเปิดให้นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะเดือนมีนาคม-พฤษภาคม เป็นช่วงที่เสือออกมาให้เห็นง่ายที่สุด
4. พักที่ไหนดีในป่ากันหา?
รีสอร์ตหรู
- Taj Safari Lodge รีสอร์ตระดับพรีเมียมที่ให้บริการซาฟารีพร้อมไกด์ส่วนตัว
- Kanha Earth Lodge ที่พักหรูที่ออกแบบให้กลมกลืนกับธรรมชาติ
ที่พักราคาประหยัด
- โฮมสเตย์ มีหลายแห่งที่บริหารโดยชาวบ้านท้องถิ่น
- แคมป์ไซต์ สำหรับนักเดินทางที่ชอบความเรียบง่าย
5. เคล็ดลับสำหรับการเที่ยวป่ากันหา
- จองซาฟารีล่วงหน้า ซาฟารีเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมสูง ควรจองก่อนเดินทางเพื่อหลีกเลี่ยงความผิดหวัง
- เตรียมกล้องและกล้องส่องทางไกล เพื่อเก็บภาพความงดงามของธรรมชาติและสัตว์ป่า
- สวมใส่เสื้อผ้าสีเอิร์ธโทน เพื่อกลมกลืนกับธรรมชาติและไม่รบกวนสัตว์ป่า
- ฟังคำแนะนำของไกด์ เพื่อความปลอดภัยและเพิ่มโอกาสในการเจอสัตว์ที่หายาก
6. เหตุผลที่คุณควรไปป่ากันหา
- แรงบันดาลใจจากเมาคลี ป่ากันหาเป็นฉากที่มีบทบาทในวรรณกรรมชื่อดัง “The Jungle Book”
- ธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ที่นี่ถือเป็นหนึ่งในป่าอนุรักษ์ที่ดีที่สุดในอินเดีย
- ประสบการณ์สุดพิเศษ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเดินทางสายธรรมชาติ หรือคนที่ชอบความตื่นเต้นจากการชมสัตว์ป่า ป่ากันหาคือคำตอบ
2.เที่ยวตามรอยพระพุทธเจ้า ดินแดนแห่งศาสนาและจิตวิญญาณ
อินเดียไม่ได้มีดีแค่ธรรมชาติหรือวัฒนธรรมที่หลากหลาย แต่ยังเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้ง หากคุณเป็นสายบุญหรือสนใจในประวัติศาสตร์ของพระพุทธเจ้า การเยี่ยมชม พุทธคยา (Bodh Gaya), สารนาถ (Sarnath) และ กุสินารา (Kushinagar) ถือเป็นประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาด
ทั้งสามสถานที่นี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่จุดหมายปลายทาง แต่ยังเป็นการเดินทางเพื่อเติมเต็มจิตใจและสัมผัสกับร่องรอยของศาสนาพุทธในยุคเริ่มต้นอีกด้วย
2.1) พุทธคยา (Bodh Gaya) สถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
ทำไมต้องไป? พุทธคยาเป็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ใต้ต้นศรีมหาโพธิ์เมื่อกว่า 2,500 ปีก่อน ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของชาวพุทธทั่วโลก
สิ่งที่ไม่ควรพลาด
- มหาเจดีย์พุทธคยา (Mahabodhi Temple)
เจดีย์ที่ตั้งอยู่ข้างต้นศรีมหาโพธิ์และเป็นมรดกโลกของ UNESCO- สัมผัสความเงียบสงบและทำสมาธิใต้ต้นศรีมหาโพธิ์
- ชมสถาปัตยกรรมที่งดงามและสัญลักษณ์ทางศาสนา
- ต้นศรีมหาโพธิ์ (Bodhi Tree)
ต้นโพธิ์ที่เชื่อว่าเป็นลูกหลานของต้นโพธิ์เดิมที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ - แม่น้ำเนรัญชรา (Niranjana River)
สายน้ำที่พระพุทธเจ้าเคยเสวยข้าวมธุปายาสก่อนการตรัสรู้
เคล็ดลับการเดินทาง
- สนามบินใกล้ที่สุดคือ สนามบินคยา (Gaya Airport)
- ช่วงเวลาที่เหมาะสม พฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ อากาศเย็นสบาย
2.2) สารนาถ (Sarnath) สถานที่แสดงปฐมเทศนา
ทำไมต้องไป? สารนาถเป็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้าแสดงปฐมเทศนาเป็นครั้งแรกหลังจากตรัสรู้ โดยเทศนา “ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร” ให้แก่ปัญจวัคคีย์
สิ่งที่ไม่ควรพลาด
- เจดีย์ธรรมเมกข์ (Dhamek Stupa) เจดีย์สูง 43 เมตร สร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการหมุนวงล้อแห่งธรรม
- พิพิธภัณฑ์สารนาถ ชมโบราณวัตถุและพระพุทธรูปสมัยโบราณ โดยเฉพาะ เสาหินอโศก ที่โดดเด่น
- วัดพุทธนานาชาติ วัดที่สร้างโดยประเทศต่าง ๆ เช่น ไทย ศรีลังกา และญี่ปุ่น ที่มีเอกลักษณ์แตกต่างกัน
เคล็ดลับการเดินทาง
- สารนาถอยู่ห่างจากเมืองพาราณสีเพียง 10 กิโลเมตร
- ใช้รถแท็กซี่หรือรถตุ๊กตุ๊กจากพาราณสีเพื่อเดินทางสะดวก
2.3) กุสินารา (Kushinagar) สถานที่ปรินิพพานของพระพุทธเจ้า
ทำไมต้องไป? กุสินาราเป็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้าได้ปรินิพพานและเป็นจุดสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในพุทธศาสนา
สิ่งที่ไม่ควรพลาด
- มหาปรินิพพานสถูป (Mahaparinirvana Stupa) สถูปที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงการปรินิพพานของพระพุทธเจ้า ภายในมีพระพุทธรูปปรินิพพานขนาดใหญ่
- วัดพุทธนานาชาติ วัดจากหลากหลายประเทศที่แสดงถึงความศรัทธาในพุทธศาสนา
- รามภาร์สถูป (Ramabhar Stupa) สถานที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพของพระพุทธเจ้า
เคล็ดลับการเดินทาง
- สนามบินที่ใกล้ที่สุดคือ สนามบินโครักข์ปุระ (Gorakhpur Airport)
- เดินทางโดยรถไฟหรือรถบัสจากโครักข์ปุระมายังกุสินารา
เส้นทางแนะนำ เที่ยวตามรอยพุทธศาสนาในอินเดีย
- เริ่มต้นที่พุทธคยา สัมผัสจุดกำเนิดของการตรัสรู้
- ต่อด้วยสารนาถ เรียนรู้จุดเริ่มต้นของการเผยแผ่คำสอน
- ปิดท้ายที่กุสินารา สถานที่ที่พระพุทธเจ้าทรงเข้าสู่ปรินิพพาน
3. เที่ยวอินเดียแบบหรูหรา สัมผัสประสบการณ์ราชวงศ์
หากคุณกำลังมองหาการเดินทางที่เหนือระดับในอินเดียซึ่งผสมผสานความหรูหราและประสบการณ์สุดพิเศษอย่างลงตัว คุณต้องไม่พลาดกับ 3 ไฮไลต์ที่เรารวบรวมมาในนี้ ตั้งแต่การพักในพระราชวังสุดหรู การล่องเรือในแม่น้ำคงคา ไปจนถึงการเดินทางด้วยรถไฟสุดอลังการที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในวัง
มาดูกันว่าความหรูหราแบบราชวงศ์อินเดียจะสร้างความประทับใจให้กับคุณได้อย่างไรกันบ้างนะ
3.1) ราชาสถาน (Rajasthan) พักในพระราชวังที่ดัดแปลงเป็นโรงแรม
ทำไมต้องราชาสถาน? ราชาสถานเป็นดินแดนแห่งราชวงศ์ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ คุณสามารถสัมผัสความเป็นราชาได้ด้วยการพักในพระราชวังที่ถูกดัดแปลงเป็นโรงแรมสุดหรู
พระราชวังที่คุณต้องลองพัก
- Taj Lake Palace (อุไดปุระ)
- พระราชวังกลางทะเลสาบพิชโฮล (Pichola Lake) ที่ดูเหมือนลอยอยู่เหนือน้ำ
- ไฮไลต์
- บริการดินเนอร์ใต้แสงจันทร์พร้อมวิวทะเลสาบ
- สปาหรูที่ช่วยให้คุณผ่อนคลาย
- Umaid Bhawan Palace (โชธปุระ)
- พระราชวังหินทรายสีทองที่เป็นหนึ่งในพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในโลก
- ไฮไลต์
- ห้องพักหรูหราที่ตกแต่งด้วยศิลปะสไตล์อาร์ตเดโค
- สระว่ายน้ำส่วนตัวและการต้อนรับแบบราชวงศ์
กิจกรรมในราชาสถาน
- ขี่อูฐในทะเลทรายธาร์
- เที่ยวชมป้อมปราการอันยิ่งใหญ่ เช่น Amber Fort และ Mehrangarh Fort
- ช้อปปิ้งของพื้นเมือง เช่น ผ้าปักมือและอัญมณี
3.2) ล่องเรือสุดหรูในแม่น้ำคงคา
ทำไมต้องล่องเรือในแม่น้ำคงคา? แม่น้ำคงคาไม่ได้เป็นเพียงแค่แม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ของอินเดีย แต่ยังเป็นเส้นทางที่สะท้อนวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของชาวอินเดียโบราณ การล่องเรือสุดหรูในแม่น้ำคงคาจึงเป็นประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร
เรือหรูที่แนะนำ
- Ganges Voyager II
- เรือสำราญระดับ 5 ดาวที่ให้บริการแบบครบวงจร
- ไฮไลต์
- ห้องพักที่ตกแต่งอย่างวิจิตรด้วยศิลปะแบบโมกุล
- ดินเนอร์แบบอินเดียแท้ ๆ และนานาชาติ พร้อมวิวแม่น้ำ
- การเดินทาง
- เส้นทางล่องเรือเริ่มต้นจากโกลกาตา (Kolkata) ผ่านหมู่บ้านริมน้ำ และจบที่เมืองพาราณสี
กิจกรรมที่ไม่ควรพลาด
- ชมพิธีบูชาไฟ (Ganga Aarti) บนเรือ
- เรียนรู้วัฒนธรรมอินเดียผ่านวิทยากรที่มากับเรือ
- ชิมอาหารพื้นเมืองที่ปรุงสดใหม่บนเรือ
3.3) รถไฟหรู (Palace on Wheels) สัมผัสความเป็นราชาในทุกไมล์
ทำไมต้อง Palace on Wheels? รถไฟ Palace on Wheels เป็นหนึ่งในรถไฟที่หรูหราที่สุดในโลก ให้บริการที่สะท้อนถึงความรุ่งเรืองของราชวงศ์อินเดีย
ประสบการณ์บนรถไฟ
- ห้องพักบนรถไฟถูกออกแบบให้เหมือนห้องส่วนตัวในพระราชวัง
- มีบริการอาหารรสเลิศในห้องอาหารที่ตกแต่งด้วยโคมระย้าสไตล์โบราณ
เส้นทางยอดนิยม
- เริ่มต้นที่นิวเดลี (New Delhi) และวิ่งผ่านเมืองสำคัญในราชาสถาน เช่น ชัยปุระ, อุไดปุระ, และโชธปุระ
- ไฮไลต์
- ชมทัชมาฮาลที่อักรา
- เยี่ยมชมป้อมและพระราชวังในแต่ละเมือง
- สัมผัสบรรยากาศทะเลทรายที่อ่อนโยนในยามเย็น
เคล็ดลับการท่องเที่ยวแบบหรูหราในอินเดีย
- จองล่วงหน้า สถานที่พักและบริการหรูหราในอินเดียมักเต็มเร็ว โดยเฉพาะในช่วงฤดูท่องเที่ยว (พฤศจิกายน-มีนาคม)
- เตรียมตัวให้พร้อม
- พกชุดที่เหมาะสมสำหรับการเยี่ยมชมสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
- อย่าลืมเตรียมกล้องเพื่อเก็บภาพความงดงาม
- เลือกเอเจนซี่ท้องถิ่น เพื่อช่วยจัดการการเดินทางและมั่นใจว่าคุณจะได้ประสบการณ์ที่ดีที่สุด
เคล็ดลับการวางแผนเที่ยวอินเดียในปี 2025
อินเดียเป็นประเทศที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติ วัฒนธรรม หรือเทศกาลที่เต็มไปด้วยสีสัน แต่การเดินทางในอินเดียก็ต้องการการวางแผนที่ดีเพื่อให้คุณสนุกกับทริปได้อย่างราบรื่น โดยเฉพาะในปี 2025 ที่การท่องเที่ยวเริ่มกลับมาคึกคัก บทความนี้จะช่วยคุณเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเที่ยวอินเดียด้วย 3 เคล็ดลับสำคัญที่ห้ามพลาด
1. เลือกเวลาให้เหมาะสม เที่ยวให้สนุกกับสภาพอากาศที่เป็นใจ
- ช่วงเวลาที่ดีที่สุด
ฤดูหนาว (พฤศจิกายน-มีนาคม) เป็นช่วงที่เหมาะที่สุดสำหรับการท่องเที่ยวทั่วอินเดีย อากาศเย็นสบายและไม่ร้อนจนเกินไป- เที่ยวเมืองในภาคเหนือ เช่น อุทัยปุระ หรือ ราชาสถาน ได้อย่างเต็มที่
- ชมธรรมชาติใน เกรละ หรือภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะใน เลห์ ลาดักห์
- หลีกเลี่ยงฤดูร้อน
ฤดูร้อน (เมษายน-มิถุนายน) อากาศในบางพื้นที่อาจร้อนจัดจนแตะ 40-50 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะในภาคกลางและภาคเหนือ
เคล็ดลับ หากคุณต้องการเที่ยวช่วงฤดูฝน (กรกฎาคม-กันยายน) ให้เลือกเมืองที่มีธรรมชาติสวยงาม เช่น เกรละ ซึ่งจะเขียวชอุ่มและชุ่มฉ่ำในช่วงนี้
2. เตรียมตัวเรื่องสุขภาพ ท่องเที่ยวแบบอุ่นใจ ไม่เสียเวลาไปกับปัญหาสุขภาพ
- ยารักษาโรคพื้นฐาน พกยาสามัญ เช่น ยาแก้ปวด ยาแก้แพ้ ยาแก้ท้องเสีย และยาล้างแผลเล็ก ๆ น้อย ๆ
- ระวังเรื่องน้ำ หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำจากก๊อกหรือน้ำแข็งที่ไม่ได้ผ่านการกรอง ใช้น้ำดื่มบรรจุขวดที่มีตราสัญลักษณ์รับรองเท่านั้น
- อาหาร เลือกรับประทานอาหารในร้านที่ดูสะอาด และระวังอาหารที่มีรสจัดหากคุณไม่คุ้นเคย
เคล็ดลับ พกเจลล้างมือหรือทิชชู่เปียกติดตัวเสมอ เพราะในบางพื้นที่อาจไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน
3. จองที่พักล่วงหน้า ไม่พลาดที่พักดี ๆ ในช่วงเทศกาลใหญ่
อินเดียมีเทศกาลที่ยิ่งใหญ่และน่าตื่นเต้น เช่น
- เทศกาลโฮลี (Holi) เทศกาลแห่งสีสันในเดือนมีนาคม
- เทศกาลดิวาลี (Diwali) เทศกาลแสงสว่างในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน
ช่วงเทศกาลเหล่านี้ ที่พักในเมืองยอดนิยม เช่น พาราณสี, อุไดปุระ, หรือ อักรา มักถูกจองเต็มอย่างรวดเร็ว
เคล็ดลับ
- ใช้แพลตฟอร์มจองที่พักออนไลน์ เช่น Booking.com หรือ Agoda เพื่อเปรียบเทียบราคา
- หากต้องการประสบการณ์แบบท้องถิ่น ลองเลือกพักในโฮมสเตย์หรือเกสต์เฮาส์
4. เคล็ดลับเพิ่มเติมสำหรับการเที่ยวอินเดียในปี 2025
- การเดินทาง ใช้แอปพลิเคชันอย่าง Ola หรือ Uber สำหรับการเดินทางในเมืองใหญ่เพื่อความปลอดภัยและสะดวก
- การแต่งกาย แต่งตัวสุภาพ โดยเฉพาะเมื่อเยี่ยมชมวัดหรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
- เรียนรู้วัฒนธรรม ค้นคว้าเกี่ยวกับวัฒนธรรมท้องถิ่นและกฎระเบียบพื้นฐาน เช่น การถอดรองเท้าก่อนเข้าบ้านหรือวัด
สรุป วางแผนดี มีชัยไปกว่าครึ่ง!!
การเที่ยวอินเดียในปี 2025 จะเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจหากคุณวางแผนอย่างเหมาะสม เลือกเวลาที่ใช่ เตรียมตัวเรื่องสุขภาพ และจองที่พักล่วงหน้า โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญ
พร้อมแล้วหรือยัง? จัดกระเป๋าและออกเดินทางไปสัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งอินเดียกันเลย!!!!
สนใจเลือกเที่ยวอินเดียไปกับ GoTogetherTravel ผู้นำด้านการท่องเที่ยว
ช่องทางติดต่อได้ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 9.00 -17.00 น.
Line: @GoTogetherTravel
โทร: 02-214-6088 , 081-405-9726