ลองนึกภาพว่าคุณกำลังยืนอยู่ท่ามกลางหิมะสีขาวโพลน เงยหน้าขึ้นดูแสงเหนือที่เต้นระบำบนฟ้า เสียงลมหนาวกระทบผิวแก้มเบา ๆ และมีซาวน่าร้อน ๆ รออยู่หลังประตูไม้ใกล้ๆ… ใช่ครับ นี่แหละคือเสน่ห์ของการ เที่ยวฟินแลนด์ ที่ไม่มีที่ไหนเหมือนในโลก
ฟินแลนด์ไม่ได้มีแค่แสงเหนือและซานตาคลอส แต่ยังเต็มไปด้วยป่าไม้ ทะเลสาบสะอาดกว่า 180,000 แห่ง เมืองเงียบสงบ เทคโนโลยีล้ำสมัย และผู้คนที่ติดอันดับสุขภาพจิตดีที่สุดในโลก ฟังดูน่าไปหรือยังครับ?
ไม่ว่าจะเป็นนักเดินทางสายธรรมชาติ นักถ่ายภาพ สายครอบครัว หรือแม้แต่มือใหม่หัดเที่ยวต่างประเทศ ฟินแลนด์ก็สามารถตอบโจทย์คุณได้ครบในทริปเดียว
และบทความนี้ gotogethertravel บริษัทนำเที่ยวชั้นนำ จะมาเป็นคู่มือเที่ยวฟินแลนด์ที่ครบที่สุดสำหรับคุณ ผมจะอธิบายให้เข้าใจง่ายแบบจับมือพาเที่ยว ตั้งแต่การเตรียมตัว การเลือกฤดู เที่ยวที่ไหนดี ไปจนถึงตัวอย่างแผนทริป 7 วัน ที่จะช่วยให้คุณเที่ยวเองได้อย่างมั่นใจ
ฟินแลนด์อยู่ตรงไหน? ต้องเตรียมตัวยังไงก่อนบิน?
✈️ หากคุณเพิ่งเริ่มวางแผนจะ เที่ยวฟินแลนด์ คำถามแรกที่มักจะเกิดขึ้นคือ… ฟินแลนด์อยู่ตรงไหนกันแน่?
ประเทศฟินแลนด์ (Finland) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของยุโรป เป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศนอร์ดิก (Nordic) ติดกับสวีเดน นอร์เวย์ และรัสเซีย โดยมีเมืองหลวงคือ “เฮลซิงกิ (Helsinki)” ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่
แล้วคนไทยต้องขอวีซ่าไหม? คำตอบคือ “ใช่” เพราะฟินแลนด์เป็นประเทศในกลุ่มเชงเก้น (Schengen) คุณต้องขอวีซ่าล่วงหน้าผ่านสถานทูตหรือศูนย์ VFS ซึ่งใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ 7-15 วันทำการ อย่าลืมเตรียมเอกสารให้ครบ เช่น
- พาสปอร์ตที่มีอายุเหลือเกิน 6 เดือน
- แผนการเดินทาง
- หลักฐานทางการเงิน
- ประกันการเดินทางที่ครอบคลุมอย่างน้อย 30,000 ยูโร
ส่วนสายการบินไปฟินแลนด์มีให้เลือกหลายแบบ เช่น Finnair (บินตรง), Lufthansa, Qatar Airways หรือ Emirates ซึ่งสามารถบินต่อเครื่องที่ยุโรปหรือตะวันออกกลางได้
ควรไปเที่ยวฟินแลนด์ช่วงเดือนไหนดีที่สุด?
หากคุณกำลังวางแผนจะ เที่ยวฟินแลนด์ แต่ไม่แน่ใจว่าควรไปเดือนไหนดี ต้องขอบอกก่อนเลยว่า… ฟินแลนด์เที่ยวได้ทุกฤดูครับ แต่แต่ละช่วงเวลาก็มีเสน่ห์แตกต่างกันอย่างชัดเจน
ลองแบ่งง่าย ๆ ตามนี้ครับ
🌨️ ฤดูหนาว (ธันวาคม – มีนาคม) จุดเด่นคือแสงเหนือ
ฤดูนี้ถือเป็น “ไฮซีซั่น” ของฟินแลนด์ เพราะนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต่างเดินทางมาเพื่อชม แสงเหนือ (Aurora Borealis) ที่มีโอกาสเห็นสูงในเขตแลปแลนด์ เช่น เมืองโรวาเนียมี (Rovaniemi), ซาริเซลก้า (Saariselkä), และอินารี (Inari)
อุณหภูมิจะติดลบถึง -30°C แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่ฟินแลนด์สวยงามมากที่สุด บ้านน้ำแข็ง หมู่บ้านซานตาคลอส การนั่งรถลากโดยกวางเรนเดียร์ และกิจกรรมอย่างขับสโนว์โมบิล ล้วนมีให้เล่นเฉพาะฤดูนี้เท่านั้น
📌 เหมาะกับคนที่อยากสัมผัสหิมะและแสงเหนือแบบจัดเต็ม
🌸 ฤดูใบไม้ผลิ (เมษายน – พฤษภาคม) แสงแดดเริ่มกลับมา
อากาศเริ่มอุ่นขึ้น หิมะเริ่มละลาย เมืองกลับมาคึกคักอีกครั้ง เป็นช่วงเวลาที่แนะนำสำหรับคนที่ไม่ชอบหนาวจัด และยังอยากได้ภาพถ่ายทิวทัศน์ธรรมชาติที่เริ่มเขียวขจี
อย่างไรก็ตาม ฤดูนี้จะไม่เหมาะหากคุณหวังจะเห็นแสงเหนือ เพราะช่วงกลางคืนเริ่มสั้นลงแล้ว
🌞 ฤดูร้อน (มิถุนายน – สิงหาคม) ดินแดนพระอาทิตย์เที่ยงคืน
ฟินแลนด์ในฤดูร้อนสว่างแทบทั้งวัน โดยเฉพาะในเขตเหนือของประเทศ บางวันมีแสงแดด 24 ชั่วโมงเต็ม! เรียกกันว่า “Midnight Sun” เหมาะสำหรับการเดินป่า ตั้งแคมป์ ตกปลา และล่องเรือในทะเลสาบ
อากาศในช่วงนี้สบาย ๆ ราว 15–25°C ผู้คนมักออกมาใช้ชีวิตกลางแจ้ง ทำกิจกรรมสนุก ๆ มีเทศกาลดนตรีและศิลปะเยอะมาก เหมาะกับสายชิลล์ สายธรรมชาติ และคนที่อยากสัมผัสวิถีชีวิตคนฟินแลนด์
🍂 ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน – พฤศจิกายน) ฟินแลนด์เปลี่ยนสี
ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลงอีกครั้ง และธรรมชาติก็ค่อย ๆ เปลี่ยนสีเป็นส้ม แดง เหลือง สวยงามสุด ๆ เหมาะกับคนที่ชอบถ่ายรูปและเที่ยวแบบไม่แออัด
แถมปลายฤดูใบไม้ร่วงก็มีโอกาสเริ่มเห็นแสงเหนือกลับมาอีกครั้งแล้ว
เที่ยวฟินแลนด์ต้องใช้งบเท่าไร?
หากคุณกำลังวางแผนจะไป เที่ยวฟินแลนด์ และสงสัยว่า “ต้องมีงบประมาณเท่าไรถึงจะเที่ยวได้?” ผมจะช่วยแยกให้เห็นภาพชัด ๆ เพื่อให้คุณเตรียมตัวได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องเดาแบบคร่าว ๆ
🎫 1. ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ
- สำหรับไฟลต์บินจากไทยไปฟินแลนด์ (กรุงเทพ – เฮลซิงกิ) ราคาตั๋วไป-กลับโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 25,000 – 35,000 บาท
- ถ้าจองล่วงหน้า 3-6 เดือน หรือเจอโปรโมชั่น อาจได้ราคาประมาณ 20,000 บาทต้น ๆ
- สายการบินที่นิยม เช่น Finnair (บินตรง), Qatar Airways, Turkish Airlines, Emirates
💡 เคล็ดลับ บินช่วง Low Season (เช่น พฤษภาคม หรือกันยายน) จะประหยัดกว่ามาก
🏨 2. ค่าที่พัก
ฟินแลนด์มีตัวเลือกที่พักหลากหลาย ตั้งแต่โฮสเทลราคาย่อมเยาไปจนถึงกระท่อมหรูบนภูเขา โดยประมาณราคาต่อคืน
- โฮสเทล / Guesthouse: 900 – 1,500 บาท/คืน
- โรงแรมระดับกลาง: 2,000 – 4,000 บาท/คืน
- ที่พักพิเศษเช่น Igloo หรือกระท่อมในป่า: เริ่มที่ 6,000 – 15,000 บาท/คืน
สำหรับทริป 7 วัน ควรเตรียมงบค่าที่พักไว้ประมาณ 15,000 – 25,000 บาท (ขึ้นอยู่กับความต้องการ)
🍽️ 3. ค่าอาหาร
- อาหารแบบประหยัด เช่น ฟู้ดคอร์ทหรือร้านอาหารท้องถิ่น: มื้อละ 300 – 500 บาท
- ร้านอาหารกลาง-หรู: มื้อละ 800 – 2,000 บาท
หากคุมงบด้วยการทำอาหารเอง (ซุปเปอร์มาร์เก็ตฟินแลนด์มีของราคาดี) คุณอาจใช้งบเพียง 7,000 – 10,000 บาท สำหรับ 7 วัน
🚆 4. ค่าเดินทางในประเทศ
- ตั๋วรถไฟระหว่างเมือง (เฮลซิงกิ – โรวาเนียมี): ประมาณ 1,800 – 2,500 บาท
- รถบัสภายในเมือง หรือเมโทร: เที่ยวละ 80 – 150 บาท
- การเช่ารถ: วันละประมาณ 2,000 – 3,500 บาท (รวมประกันพื้นฐาน)
แนะนำให้ซื้อ บัตร Helsinki Card หากเน้นเที่ยวในเมืองหลวง จะช่วยประหยัดได้มาก
🎟️ 5. ค่ากิจกรรมพิเศษ
- ทัวร์ล่าแสงเหนือ: 2,000 – 4,500 บาท/ทริป
- เข้าชมพิพิธภัณฑ์ / หมู่บ้านซานต้า: 300 – 1,200 บาท
- นั่งรถลากกวางเรนเดียร์: ประมาณ 3,000 – 5,000 บาท
แน่นอนหากคุณต้องการเที่ยวฟินแลนด์ งบขั้นต่ำที่ควรเตรียมคือประมาณ 50,000 – 60,000 บาทต่อคนสำหรับ 1 สัปดาห์ เป็นอย่างน้อยนั่นเอง
ฟินแลนด์มีอะไรให้เที่ยวบ้าง?
ลองนึกภาพว่าคุณกำลังอยู่ในประเทศที่เต็มไปด้วยธรรมชาติบริสุทธิ์ เมืองเงียบสงบ วัฒนธรรมที่อบอุ่น และกิจกรรมแปลกใหม่ที่ไม่มีในบ้านเรา — ใช่ครับ นี่แหละคือฟินแลนด์! การ เที่ยวฟินแลนด์ ไม่ได้มีแค่แสงเหนือหรือซานตาคลอส แต่ยังมีสถานที่น่าตื่นตาตื่นใจอีกมากมายให้คุณเลือกเที่ยวแบบไม่รู้เบื่อ
🏙️ 1. เฮลซิงกิ (Helsinki) – เมืองหลวงที่ผสมผสานศิลปะและธรรมชาติ
เฮลซิงกิเป็นเมืองหลวงของฟินแลนด์ และมักเป็นจุดเริ่มต้นของทริปของใครหลายคน จุดเด่นของที่นี่คือการผสมผสานระหว่างความโมเดิร์นและธรรมชาติ มีทั้งพิพิธภัณฑ์สมัยใหม่ โบสถ์หินแกรนิต ตลาดริมทะเล และสวนสาธารณะเขียวขจี
ห้ามพลาด
- โบสถ์ Temppeliaukio Church (สร้างในหิน)
- ตลาดกลาง Helsinki Market Square
- พิพิธภัณฑ์ Ateneum และ Kiasma
- ซาวน่า Löyly ที่ติดทะเล
🎅 2. โรวาเนียมี (Rovaniemi) – บ้านของซานตาคลอส
ถ้าไปฟินแลนด์แต่ไม่ได้แวะไปหมู่บ้านซานตาคลอส ก็เหมือนมาไม่ถึง! เมืองโรวาเนียมีตั้งอยู่ในเขตแลปแลนด์ และถือเป็น “เมืองหลวงของแสงเหนือ” ที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกนิยมมากัน
ห้ามพลาด
- Santa Claus Village (ส่งโปสการ์ดจากเขตขั้วโลกเหนือ)
- Arctic Circle Line จุดตัดเส้นขั้วโลก
- ทัวร์แสงเหนือบนรถเลื่อนกวางเรนเดียร์
- พิพิธภัณฑ์ Arktikum
❄️ 3. ซาริเซลก้า (Saariselkä) – จุดเล่นสกีและดูแสงเหนือในป่าเงียบ
เมืองเล็ก ๆ ที่เงียบสงบในเขตเหนือของแลปแลนด์ เหมาะกับคนที่อยากสัมผัสฟินแลนด์แบบดิบ ๆ ท่ามกลางหิมะและป่าเขา ที่นี่มีที่พักแบบกระท่อมไม้ และ “กระจกโดมดูแสงเหนือ” ที่นอนแล้วมองท้องฟ้าได้
🐾 4. อินารี (Inari) – ดินแดนชนพื้นเมืองซามิ
หากคุณอยากสัมผัสวัฒนธรรมฟินแลนด์แบบดั้งเดิม แนะนำให้แวะเมืองอินารี ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของชนเผ่าซามิ (Sámi) ที่มีวัฒนธรรมการล่าสัตว์และเลี้ยงกวางเรนเดียร์
กิจกรรมเด่น
- เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ Siida
- ชิมอาหารพื้นเมืองของซามิ
- เดินป่ารอบทะเลสาบ Inari
🌳 5. ทะเลสาบไซม่า (Lake Saimaa) – ธรรมชาติและการล่องเรือ
ฟินแลนด์เป็นประเทศที่มีทะเลสาบมากที่สุดในยุโรป และทะเลสาบไซม่าก็เป็นหนึ่งในจุดที่สวยที่สุด เหมาะกับกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น พายเรือ ตกปลา หรือแคมป์ปิ้งกลางธรรมชาติแบบเรียบง่าย
จะตามหาแสงเหนือในฟินแลนด์ได้ที่ไหน?
ถ้าคุณถามคนที่เคยไป เที่ยวฟินแลนด์ ว่าอะไรคือที่สุดของทริป… ส่วนใหญ่จะตอบว่า “แสงเหนือ” ครับ! แสงเหนือ (Aurora Borealis) คือปรากฏการณ์ธรรมชาติที่หาชมได้ยาก และฟินแลนด์คือหนึ่งในจุดที่ดูได้สวยที่สุดในโลก โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว
แต่… ไม่ใช่ว่าจะเห็นแสงเหนือได้ทุกวัน! ต้องเลือกเวลา สถานที่ และเตรียมตัวให้ดี ซึ่งผมจะพาคุณไล่เรียงทีละขั้นเลยครับ
📅 แสงเหนือในฟินแลนด์ดูเดือนไหนดี?
- ช่วงที่ดีที่สุด เดือนกันยายนถึงมีนาคม
- ช่วงเวลาที่มืดสนิท 3 ทุ่ม – ตี 2 (เวลาเหมาะสุดในการดู)
- ต้องไม่มีเมฆและไม่มีแสงรบกวน (แนะนำออกไปดูนอกเมือง)
💡 ยิ่งอากาศหนาวและฟ้าเปิด โอกาสเห็นยิ่งสูงขึ้น!
📍 จุดดูแสงเหนือยอดฮิตในฟินแลนด์
1. โรวาเนียมี (Rovaniemi)
เมืองนี้คือจุดดูแสงเหนือยอดนิยมของนักท่องเที่ยว เพราะเดินทางง่าย มีหมู่บ้านซานตาคลอส และที่พักให้เลือกเยอะ
📍 เคล็ดลับ ออกนอกตัวเมืองประมาณ 15 นาที จะเห็นชัดขึ้นมาก
2. ซาริเซลก้า (Saariselkä)
ที่นี่มีรีสอร์ทกระจกโดมแบบ “Glass Igloo” ให้นอนดูแสงเหนือจากเตียง! โซนนี้เงียบสงบ เหมาะกับสายธรรมชาติ
📍 จุดแนะนำ Kakslauttanen Arctic Resort
3. อินารี (Inari)
ใกล้แถบขั้วโลกเหนือขึ้นมาอีก และโอกาสเห็นแสงเหนือสูงมาก เพราะมีความมืดสนิท และท้องฟ้าเปิดบ่อย
📍 แนะนำให้เช่ารถขับออกไปใกล้ทะเลสาบอินารี จะได้ภาพสะท้อนแสงเหนือสวย ๆ
4. ลูอสโต (Luosto)
เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ใน Lapland ที่มีสถานีตรวจจับแสงเหนือ “Aurora Alert” ส่งสัญญาณเตือนไปที่มือถือเมื่อแสงเหนือปรากฏ! คุณจึงไม่พลาดแม้จะนอนอยู่ในห้องพัก
📸 ต้องเตรียมตัวยังไงให้ได้ภาพแสงเหนือสวย ๆ?
- กล้อง DSLR หรือ Mirrorless ที่ถ่ายกลางคืนได้ดี
- ขาตั้งกล้อง (สำคัญมาก!)
- เปิดโหมด Long Exposure (ประมาณ 10-30 วินาที)
- ใส่เสื้อผ้าแบบ “ชั้นๆ” และถุงมือกันลม เพราะอุณหภูมิติดลึก
❄️ หากไม่อยากออกลุยเอง ทำไงดี?
สามารถซื้อทัวร์ล่าแสงเหนือได้เลย มีตั้งแต่ราคาประหยัด (เดินเท้า + ไกด์) จนถึงแบบหรู (รถ Snowmobile / กระท่อมส่วนตัว) โดยบริษัทในโรวาเนียมีและอินารีมีบริการมากมาย
ไปเที่ยวฟินแลนด์เองได้ไหม หรือต้องซื้อทัวร์?
หากคุณอยากไป เที่ยวฟินแลนด์ แต่ลังเลว่า “จะจัดทริปเองดีไหม หรือควรซื้อทัวร์ไปให้จบ ๆ?” ผมขอตอบแบบตรงไปตรงมาเลยว่า ทั้งสองแบบทำได้ แต่ขึ้นอยู่กับ “สไตล์การเที่ยว” และ “ระดับความสะดวกที่คุณต้องการ”
ลองมาเปรียบเทียบกันชัด ๆ ครับว่าแต่ละแบบเหมาะกับใคร
✈️ เที่ยวฟินแลนด์ด้วยตัวเอง – เหมาะกับใคร?
หากคุณ…
- ชอบวางแผนเอง
- อยากยืดหยุ่นแผนเที่ยว
- อยากประหยัดงบ
- เคยเที่ยวต่างประเทศมาแล้วบ้าง
การไปเองคือทางเลือกที่ดี เพราะฟินแลนด์เป็นประเทศที่ “ปลอดภัย เดินทางง่าย และพูดภาษาอังกฤษได้ดี” โดยเฉพาะในเมืองใหญ่หรือแหล่งท่องเที่ยว
📌 ข้อดี
- ยืดหยุ่นตามใจ: อยากอยู่นานแค่ไหนก็ได้
- เลือกพักที่ถูกกว่า หรือนอนในโรงแรมสุดพิเศษเฉพาะคุณ
- วางแผนงบได้ละเอียด
📌 ข้อควรระวัง
- ถ้าไม่มีประสบการณ์เที่ยวหนาว อาจเตรียมอุปกรณ์ไม่ครบ
- หากภาษาอังกฤษไม่แข็ง อาจมีปัญหาเล็กน้อยเวลาเดินทางข้ามเมือง
🧳 ซื้อทัวร์เที่ยวฟินแลนด์ – เหมาะกับใคร?
เหมาะสำหรับ…
- มือใหม่หัดเที่ยวต่างประเทศ
- ครอบครัวที่มีเด็กหรือผู้สูงอายุ
- คนไม่มีเวลาเตรียมแผน
- สายเที่ยวสบาย ไม่อยากวางแผนเอง
📌 ข้อดี
- มีไกด์ดูแลทุกจุด ไม่ต้องกังวลเรื่องการเดินทาง
- ได้แผนเที่ยวครอบคลุมไฮไลต์ เช่น หมู่บ้านซานต้า แสงเหนือ สโนว์โมบิล
- ราคามักรวมตั๋วเครื่องบิน, ที่พัก, อาหาร และกิจกรรมไว้ครบ
📌 ข้อควรระวัง
- ตารางเที่ยวแน่น ไม่มีอิสระในการเปลี่ยนแปลง
- ราคาค่อนข้างสูงกว่าการเที่ยวเองประมาณ 15–30%
- อาจต้องเดินทางพร้อมกรุ๊ปใหญ่ ไม่เหมาะกับคนที่ชอบความเงียบสงบ
💬 สรุป ไปเองหรือซื้อทัวร์ดี?
- ถ้าคุณ อยากคุมงบ และมีเวลาเตรียมตัว: ไปเองได้เลย ไม่ยาก!
- ถ้าคุณ อยากสะดวกจบในทีเดียว ไม่ต้องวางแผนเอง: ซื้อทัวร์เถอะครับ คุ้มกับความสบาย
มีที่พักแบบไหนบ้างในฟินแลนด์?
หนึ่งในเสน่ห์ของการ เที่ยวฟินแลนด์ คือที่พักที่ไม่ธรรมดาเลยครับ ฟินแลนด์มีตัวเลือกมากมาย ตั้งแต่โฮสเทลราคาย่อมเยาในเมือง ไปจนถึง ที่พักกลางป่า ที่สามารถนอนดูแสงเหนือได้จากบนเตียง เรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่หาที่ไหนไม่ได้จริง ๆ
🛏️ 1. โรงแรมในเมือง – สะดวก สะอาด ใกล้สถานที่ท่องเที่ยว
เหมาะสำหรับคนที่เที่ยวแบบเน้นความสะดวก เดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ เช่นในเมือง เฮลซิงกิ, แทมเปเร, หรือ โรวาเนียมี
จุดเด่น
- มีอาหารเช้าแบบ Nordic รวมในราคาหลายที่
- เดินถึงสถานีรถไฟหรือป้ายรถเมล์ง่าย
- มาตรฐานความสะอาดสูงมาก
🧊 2. บ้านน้ำแข็ง (Ice Hotel) – ประสบการณ์แบบครั้งหนึ่งในชีวิต
ลองนึกภาพคุณนอนบนเตียงน้ำแข็ง ในห้องที่แกะสลักจากหิมะทั้งหมด พร้อมถุงนอนกันหนาวสุดพิเศษ ฟินแลนด์มีโรงแรมน้ำแข็งชื่อดัง เช่น SnowCastle of Kemi และ SnowHotel ที่โรวาเนียมี
ข้อควรระวัง ห้องน้ำแยกอยู่นอกห้อง ต้องเตรียมใจเรื่องอุณหภูมิประมาณ -5°C
🌌 3. กระจกโดมดูแสงเหนือ (Glass Igloo) – ไฮไลต์ที่คนไทยชอบ
ที่พักแนว “Glass Igloo” เป็นกระท่อมหลังคาใส ที่คุณสามารถนอนมองดาวและแสงเหนือได้จากเตียงนอน! แนะนำอย่างยิ่งสำหรับคนที่ไปช่วงฤดูหนาว
ที่นิยม
- Kakslauttanen Arctic Resort
- Northern Lights Village
- Levin Iglut
📌 ราคาสูงกว่าปกติ (ประมาณ 6,000 – 15,000 บาท/คืน) แต่ประสบการณ์คุ้มเกินราคา
🪵 4. กระท่อมไม้กลางป่า (Cabin) – ฟินแลนด์แท้ ๆ สไตล์โลคอล
กระท่อมไม้ริมทะเลสาบหรือในป่าเขาคือที่พักยอดนิยมของชาวฟินแลนด์เอง ส่วนใหญ่มีซาวน่าส่วนตัว เตาผิง และห้องครัว เหมาะกับคนที่อยาก “ตัดขาดจากโลกภายนอก” สักพัก
💡 หลายแห่งไม่มี Wi-Fi เพื่อให้คุณได้พักใจจริง ๆ
🏨 5. โฮสเทลและ Airbnb – สำหรับสายประหยัด
ในเมืองใหญ่มีโฮสเทลให้เลือกพอสมควร โดยเฉพาะในเฮลซิงกิและโรวาเนียมี ราคาเริ่มต้นประมาณ 900 – 1,200 บาทต่อคืน นอกจากนี้ Airbnb ก็มีให้เลือกเยอะ โดยเฉพาะที่พักแบบกระท่อมส่วนตัว
เที่ยวฟินแลนด์ต้องเตรียมเสื้อผ้าแบบไหน?
หากคุณกำลังจะไป เที่ยวฟินแลนด์ โดยเฉพาะในฤดูหนาว แล้วไม่แน่ใจว่าควรแต่งตัวยังไงดี ขอบอกก่อนเลยว่า “การแต่งตัวให้เหมาะกับอากาศหนาวจัดคือหัวใจสำคัญของการเที่ยวสนุกโดยไม่ทรมาน!”
ลองนึกภาพว่าคุณอยู่ในอุณหภูมิ -20°C แล้วใส่แค่เสื้อกันหนาวบาง ๆ… ไม่เอานะครับ เดี๋ยวจะเที่ยวไม่สนุกแน่นอน! มาดูกันครับว่าควรเตรียมอะไรบ้าง
👕 หลักการแต่งตัว “แบบเป็นชั้น” (Layering)
เคล็ดลับง่าย ๆ คือให้แต่งตัว เป็นชั้นๆ โดยเน้น 3 ชั้นหลัก ดังนี้
1. ชั้นในสุด (Base Layer)
เนื้อผ้าที่แนบกับผิว ต้องสามารถดูดซับเหงื่อได้ดีและแห้งเร็ว เช่น
- เสื้อรัดรูปผ้าขนแกะ/ไมโครไฟเบอร์
- เลกกิ้งหรือกางเกงวอร์มบาง ๆ
ห้ามใส่ผ้าฝ้าย เพราะมันอุ้มน้ำ ทำให้ตัวเย็น
2. ชั้นกลาง (Middle Layer)
ชั้นนี้คือเกราะเก็บความร้อน เช่น
- เสื้อขนเป็ดหรือเสื้อฟลีซ
- กางเกงผ้าวูลหรือสเวตเตอร์หนา ๆ
3. ชั้นนอกสุด (Outer Layer)
เน้นกันลม กันหิมะ กันน้ำ
- เสื้อโค้ทลุยหิมะ หรือแจ็กเก็ตสกี
- กางเกงสโนว์/กันน้ำ (Snow Pants)
🧤 อุปกรณ์เสริมสำคัญ (อย่าลืมเด็ดขาด!)
- ถุงมือกันหนาว (ควรมีแบบหนา และแบบ Touch Screen)
- หมวกไหมพรม (หูต้องปิดมิด)
- ผ้าพันคอหรือ Buff
- ถุงเท้าหนา 2 ชั้น (เช่น ขนแกะด้านใน + ผ้าธรรมดาด้านนอก)
- รองเท้าบูทกันน้ำลุยหิมะ (Sorel, Columbia, Timberland)
💡 ใส่แผ่นร้อนสำเร็จรูป (Hot Pack) ติดกระเป๋าไว้ด้วย เผื่อฉุกเฉิน
🎒 เคล็ดลับจากคนเคยหนาวจนร้องไห้…
- ห้ามประมาทลมหนาว ถึงแม้อุณหภูมิติดลบแค่ -5°C แต่ลมสามารถทำให้รู้สึกเหมือน -15°C ได้
- หากต้องดูแสงเหนือกลางคืน ให้ใส่ ทุกชั้น ที่มี
- เตรียมแว่นตากันลม/หิมะ หากต้องขับสโนว์โมบิลหรืออยู่กลางแจ้งนาน
กินอะไรดีเมื่อไปฟินแลนด์?
ถ้าคุณกำลังวางแผนจะ เที่ยวฟินแลนด์ แล้วสงสัยว่า “อาหารฟินแลนด์จะกินได้ไหมนะ?” ต้องบอกเลยว่า… นี่อาจจะกลายเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของทริปคุณก็ได้! เพราะอาหารฟินแลนด์ไม่ได้มีแค่ปลาแซลมอนหรืออาหารหนาว ๆ แบบที่หลายคนคิด แต่ยังมีเมนูท้องถิ่นที่เรียบง่าย แต่อร่อยแบบอบอุ่นหัวใจ
🍲 ลองนึกภาพ… อาหารฟินแลนด์คือความเรียบง่ายแต่เข้มข้น
อาหารส่วนใหญ่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ เช่น ปลาเนื้อแน่นจากทะเลสาบ ผักป่า เบอร์รี่สด และเนื้อกวางเรนเดียร์ที่เลี้ยงแบบธรรมชาติ ไม่มีสารเคมีแทรกเลย
🐟 เมนูอาหารฟินแลนด์ยอดนิยม ที่ควรลองสักครั้ง
1. Gravlax (ปลาแซลมอนหมัก)
ปลาแซลมอนสด ๆ หมักเกลือ น้ำตาล และผักชีลาว กินกับขนมปังดำหรือแครกเกอร์ เป็นเมนูที่หาได้แทบทุกมื้อเช้าในโรงแรม
2. Lohikeitto (ซุปแซลมอนใส่นม)
เมนูเรียบง่ายที่อบอุ่นหัวใจสุด ๆ! ทำจากแซลมอน มันฝรั่ง หัวหอม และครีมสด รสชาติกลมกล่อม ทานตอนอากาศหนาวคือฟินสุด
3. Karjalanpiirakka (ขนมปังไรย์ใส่ข้าวโอ๊ต)
หน้าตาเหมือนพายแบน ๆ ด้านบนโปะด้วยไข่ต้มผสมเนย เป็นของว่างท้องถิ่นที่หากินง่ายในร้านเบเกอรี่
4. Poronkäristys (สตูว์เนื้อกวางเรนเดียร์)
เมนูขึ้นชื่อจากแถบ Lapland ใช้เนื้อเรนเดียร์ตุ๋นกับเนย หอมใหญ่ และเบียร์ เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งบดและแยมลิงกอน (เบอร์รี่ป่า)
5. Mustikkapiirakka (พายบลูเบอร์รี่)
ขนมหวานที่ใช้เบอร์รี่ป่าท้องถิ่น รสชาติเปรี้ยวอมหวาน กินคู่กับซอสวานิลลาอุ่น ๆ
🍷 เครื่องดื่มที่ควรลอง
- Glögi – เครื่องดื่มร้อนที่มีรสคล้ายไวน์หมัก ผสมอบเชยและผลไม้ เหมาะกับฤดูหนาว
- เบียร์ฟินแลนด์ – มีทั้งแบรนด์ท้องถิ่นและคราฟต์เบียร์หลากหลายรส
- นมสดฟินแลนด์ – สดมาก เพราะอุตสาหกรรมนมของฟินแลนด์อยู่ในอันดับต้น ๆ ของยุโรป
📍 ร้านอาหารแนะนำในฟินแลนด์
- Ravintola Nokka (เฮลซิงกิ) – ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นแบบฟินแลนด์แท้
- Lappi Ravintola (เฮลซิงกิ) – เสิร์ฟอาหารแบบ Lapland แท้ ๆ รวมถึงเนื้อกวาง
- Santa’s Salmon Place (โรวาเนียมี) – ร้านปลาย่างเตาถ่านในหมู่บ้านซานต้า บรรยากาศอบอุ่น
💡 เคล็ดลับ ฟินแลนด์ไม่มีน้ำฟรี!
ร้านอาหารส่วนใหญ่จะไม่เสิร์ฟน้ำเปล่าอัตโนมัติ และน้ำดื่มบรรจุขวดแพงกว่าบ้านเรา (ประมาณ 80-150 บาทต่อขวด) แนะนำให้พกขวดกรองน้ำติดตัวไปเองครับ
เดินทางในฟินแลนด์ยังไงให้สะดวก?
การ เที่ยวฟินแลนด์ จะสนุกหรือไม่ ส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับ “การเดินทางในประเทศ” ว่าทำได้สะดวกแค่ไหน โดยเฉพาะถ้าคุณวางแผนจะเดินทางไกลจากเฮลซิงกิไปยังโรวาเนียมี หรือจากเมืองหนึ่งไปยังอีกเมืองหนึ่ง
ข่าวดีคือ… ระบบขนส่งสาธารณะของฟินแลนด์ดีมากครับ ปลอดภัย ตรงเวลา และเข้าใจง่าย แม้สำหรับนักท่องเที่ยวมือใหม่ที่ไม่เคยเดินทางในยุโรปเลย
🚆 ระบบรถไฟในฟินแลนด์ (VR)
- รถไฟฟินแลนด์ดำเนินการโดย VR Group เป็นระบบที่ครอบคลุมเมืองใหญ่และภูมิภาค
- ที่นั่งสะดวก กว้าง และมีรถไฟกลางคืนพร้อมเตียงนอนให้ด้วย
เส้นทางยอดนิยม
- เฮลซิงกิ – โรวาเนียมี: ประมาณ 8-12 ชม. (มีทั้งแบบนั่งและแบบเตียง)
- เฮลซิงกิ – แทมเปเร / ตูร์คู: ประมาณ 2 ชม.
วิธีซื้อตั๋ว
- ซื้อล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์: www.vr.fi
- หรือซื้อที่สถานีได้เลย
💡 แนะนำ ถ้ารู้แผนล่วงหน้า ควรจองก่อน 1–2 สัปดาห์ เพราะราคาถูกกว่าซื้อวันเดินทางเยอะ
🚌 รถบัสระหว่างเมือง
อีกทางเลือกหนึ่งที่ถูกกว่า คือการใช้บริการ รถบัสของบริษัท Matkahuolto หรือ OnniBus ซึ่งมีเส้นทางทั่วประเทศ
- ราคาถูกกว่าแต่ใช้เวลานานกว่ารถไฟเล็กน้อย
- ที่นั่งกว้าง มี Wi-Fi และปลั๊กชาร์จในบางคัน
- บางเส้นทางเปิดบริการตอนกลางคืน (Night Bus)
📌 เหมาะกับนักเดินทางประหยัดงบ
🚇 การเดินทางภายในเมือง (โดยเฉพาะเฮลซิงกิ)
ในเมืองหลวงอย่างเฮลซิงกิ ระบบขนส่งสาธารณะมีทั้ง
- รถราง (Tram)
- รถไฟใต้ดิน (Metro)
- รถบัส
- เรือข้ามฟาก
บัตรที่แนะนำ
- HSL Card หรือใช้แอป HSL Mobile สามารถเติมเงินแล้วใช้ได้ทุกประเภทขนส่ง
- มีบัตรแบบ 1 วัน / 3 วัน / 7 วัน เหมาะกับนักท่องเที่ยวมาก
🚗 เช่ารถขับเองดีไหม?
ถ้าคุณวางแผนจะเที่ยวแถบ Lapland หรือนอกเมือง การเช่ารถจะช่วยให้แวะจุดเล็ก ๆ ได้มากกว่า เช่น ทะเลสาบ หรือจุดถ่ายแสงเหนือที่ไกลออกไป
ข้อควรรู้
- ต้องใช้ใบขับขี่สากล
- ถนนในฟินแลนด์ดีมาก ขับง่าย
- ฤดูหนาวต้องใช้ “ยางฤดูหนาว” และมีหิมะปกคลุมบางช่วง
- ค่าจอดรถในเมืองแพง และหายาก
✈️ การเดินทางระหว่างเมืองด้วยเครื่องบิน
หากมีเวลาน้อย และอยากข้ามระยะไกล (เช่น เฮลซิงกิ → โรวาเนียมี) เครื่องบินคือทางเลือกที่เร็วสุด
- ใช้เวลาประมาณ 1.5 ชม.
- ราคาตั๋วเริ่มต้นที่ 2,500–5,000 บาท (ถ้าจองล่วงหน้า)
- สายการบินที่ให้บริการ: Finnair, Norwegian
ถ้าไม่พูดภาษาฟินแลนด์จะเที่ยวได้ไหม?
คำตอบแบบไม่ต้องคิดเยอะเลยครับ… ได้แน่นอน! คุณสามารถ เที่ยวฟินแลนด์ ได้สบายมากแม้ไม่พูดภาษาฟินแลนด์เลยแม้แต่คำเดียว เพราะที่นั่นคือหนึ่งในประเทศที่ “ประชากรพูดภาษาอังกฤษได้ดีที่สุดในโลก” โดยเฉพาะในเมืองใหญ่และแหล่งท่องเที่ยว
ลองนึกภาพว่าคุณกำลังหลงทางในเมืองเฮลซิงกิ แล้วเดินเข้าไปถามคนแถวนั้นว่า “Where is the train station?” … 95% จะตอบคุณกลับเป็นภาษาอังกฤษแบบชัดแจ๋ว!
🗣️ คนฟินแลนด์พูดภาษาอังกฤษดีขนาดไหน?
- ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองที่เรียนกันตั้งแต่เด็ก
- คนหนุ่มสาวพูดคล่องเหมือนเจ้าของภาษา
- พนักงานโรงแรม ร้านอาหาร สถานีรถไฟ – สื่อสารด้วยอังกฤษได้หมด
- เอกสารสำหรับนักท่องเที่ยว เช่น แผนที่ เมนูอาหาร หรือป้ายสถานที่ – มักมีภาษาอังกฤษกำกับเสมอ
📌 ข้อนี้ถือเป็น “ข้อดีใหญ่” สำหรับนักเดินทางคนไทยที่ไม่ถนัดภาษาอื่นครับ
📝 คำศัพท์ฟินแลนด์พื้นฐานที่อาจเจอ
แม้จะไม่จำเป็นต้องพูด แต่รู้คำพื้นฐานเหล่านี้ไว้ก็เท่ไม่น้อย
คำในภาษาฟินแลนด์ | ความหมาย |
Moi | สวัสดี |
Kiitos | ขอบคุณ |
Anteeksi | ขอโทษครับ/ค่ะ |
Kyllä | ใช่ |
Ei | ไม่ใช่ |
Vessa | ห้องน้ำ |
Ravintola | ร้านอาหาร |
💡 เวลาเดินผ่านใครแล้วเผลอชนเบา ๆ พูดว่า “Anteeksi” จะดูมีมารยาทมาก ๆ
📱 ใช้แอปช่วยแปลได้ไหม?
แน่นอนครับ! คุณสามารถใช้ Google Translate หรือแอปแปลภาษาต่าง ๆ ได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะเวลาเจอเมนูที่ไม่มีภาษาอังกฤษ หรือป้ายเฉพาะในเขตชนบท
Tips
- โหลดภาษา Finnish ไว้ในโหมด Offline
- ใช้ฟีเจอร์กล้องของ Google Translate แปลข้อความจากภาพแบบทันที
🧭 ถ้าไปเขต Lapland ลึก ๆ ล่ะ?
- คนในพื้นที่ยังพูดอังกฤษได้ดีครับ เพราะนักท่องเที่ยวมาเยอะ
- แนะนำให้พูดช้า ชัด และใช้คำง่าย ๆ จะช่วยให้สื่อสารได้ลื่นขึ้น
- หากมีคำถามเฉพาะ ให้เตรียมภาพหรือ Google Maps ไว้แสดงประกอบ
เที่ยวฟินแลนด์ปลอดภัยแค่ไหน?
หากคุณกำลังวางแผนจะ เที่ยวฟินแลนด์ แล้วมีคำถามในใจว่า “ปลอดภัยไหม โดยเฉพาะถ้าไปคนเดียว?” หรือ “ผู้หญิงเที่ยวฟินแลนด์คนเดียวจะโอเคไหม?” บอกได้เลยครับว่า… ฟินแลนด์คือหนึ่งในประเทศที่ปลอดภัยที่สุดในโลก
ลองนึกภาพว่าคุณเดินคนเดียวตอนเที่ยงคืนในเมืองเล็ก ๆ ที่เงียบสงบ แต่ไม่รู้สึกหวาดกลัวเลยแม้แต่นิดเดียว — นั่นคือฟินแลนด์
🔒 ฟินแลนด์ติดอันดับประเทศปลอดภัยที่สุดในโลก
จากรายงาน Global Peace Index ล่าสุด ฟินแลนด์มักอยู่ใน Top 10 ของประเทศที่ปลอดภัยที่สุดเสมอ
- อัตราอาชญากรรมต่ำมาก โดยเฉพาะการลักทรัพย์หรือทำร้ายร่างกาย
- ไม่มีภัยธรรมชาติรุนแรง เช่น แผ่นดินไหว พายุ หรือไฟป่า
- การเมืองมั่นคง ไม่มีการประท้วงรุนแรง
- คนท้องถิ่นมีความเคารพสิทธิของกันและกันสูงมาก
👩🦰 ผู้หญิงเที่ยวคนเดียวก็สบายใจได้
ผู้หญิงหลายคนจากทั่วโลกเลือกฟินแลนด์เป็นจุดหมายในการเที่ยวคนเดียว เพราะ
- ผู้ชายฟินแลนด์สุภาพ ไม่ล่วงเกิน
- ระบบขนส่งปลอดภัย มีไฟส่องสว่างทั่วเมือง
- โรงแรมและโฮสเทลมีมาตรฐานสูง
- มี “ปุ่มฉุกเฉิน” หรือจุดช่วยเหลือในที่สาธารณะสำคัญ
📌 เคล็ดลับเล็กน้อย แม้จะปลอดภัย แต่ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางคนเดียวในป่าหรือพื้นที่ห่างไกลหลังเที่ยงคืน ถ้าไม่มีความชำนาญ
🚨 หากเกิดเหตุฉุกเฉิน ทำยังไง?
- เบอร์ฉุกเฉินของฟินแลนด์: 112 (ใช้ได้ทั้งตำรวจ, รถพยาบาล และดับเพลิง)
- มีเจ้าหน้าที่ที่พูดภาษาอังกฤษให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
- โรงพยาบาลในฟินแลนด์ได้มาตรฐานยุโรป และมีศูนย์สุขภาพในทุกเมือง
💊 เรื่องสุขภาพและการดูแลตัวเอง
- ระบบสาธารณสุขดีมาก แต่ราคาค่ารักษาในต่างชาติจะแพงกว่าปกติ
- ควรมีประกันการเดินทาง ที่ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลและอุบัติเหตุ
- ร้านขายยาเปิดถึงเย็น และมีบางแห่งที่เปิด 24 ชม. ในเมืองใหญ่
👜 การป้องกันทรัพย์สิน
แม้จะปลอดภัย แต่ก็ไม่ควรประมาท
- อย่าวางกระเป๋าหรือมือถือไว้บนโต๊ะในร้านโดยไม่ระวัง
- ใช้กระเป๋าสะพายหน้าเมื่อเดินในแหล่งท่องเที่ยว
- อย่าเปิดกระเป๋าเงินโชว์เงินสดเยอะ ๆ ในที่สาธารณะ
ต้องเตรียมประกันการเดินทางไปฟินแลนด์หรือไม่?
คำตอบสั้น ๆ คือ… ต้องครับ! และไม่ได้เป็นแค่ “ของควรมี” แต่เป็น “ของจำเป็น” สำหรับการ เที่ยวฟินแลนด์ โดยเฉพาะหากคุณจะขอวีซ่าเชงเก้น (Schengen Visa) เพราะประกันการเดินทางเป็นหนึ่งใน เอกสารบังคับ ที่ต้องแนบทุกครั้ง
นอกจากนี้… ฟินแลนด์มีค่ารักษาพยาบาลที่ “แพงมาก” หากคุณไม่มีประกัน คราวนี้จะลำบากไม่ใช่น้อยเลยครับ
💡 ประกันการเดินทางคืออะไร?
คือกรมธรรม์ที่ช่วยคุ้มครองค่าใช้จ่ายกรณีเกิดเหตุไม่คาดฝันระหว่างท่องเที่ยว เช่น
- เจ็บป่วยฉุกเฉิน
- อุบัติเหตุ
- กระเป๋าหาย ไฟลต์ดีเลย์
- เที่ยวบินยกเลิก
- เหตุการณ์ฉุกเฉินทางการเมืองหรือภัยธรรมชาติ
📌 สำหรับฟินแลนด์และกลุ่มประเทศเชงเก้น: ต้องมีวงเงินคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลไม่ต่ำกว่า 30,000 ยูโร (ประมาณ 1.1 ล้านบาท)
📄 ข้อมูลที่ต้องมีในกรมธรรม์
เวลายื่นขอวีซ่า หรือเตรียมตัวก่อนเดินทาง ต้องแน่ใจว่าในกรมธรรม์มีระบุ
- ชื่อของคุณ (ตรงกับพาสปอร์ต)
- ประเทศที่คุ้มครอง (ต้องระบุว่า “เชงเก้น” หรือ “ยุโรปทั้งหมด”)
- วันที่เริ่ม-สิ้นสุดความคุ้มครอง
- วงเงินคุ้มครองขั้นต่ำ 30,000 ยูโร
🧾 ประกันเดินทางแนะนำสำหรับไปฟินแลนด์
คุณสามารถซื้อได้จากบริษัทประกันในไทยที่ผ่านการรับรอง เช่น
- MSIG Travel Easy
- วงเงินครอบคลุมสูง
- เคลมง่าย มีรีวิวดี
- มีแผนเฉพาะสำหรับเชงเก้น
- วงเงินครอบคลุมสูง
- Allianz Travel
- เป็นแบรนด์ต่างชาติที่ใช้กันแพร่หลายในยุโรป
- มีแอปติดตามและแจ้งเหตุฉุกเฉิน
- บริการฉุกเฉินทั่วโลก 24 ชม.
- เป็นแบรนด์ต่างชาติที่ใช้กันแพร่หลายในยุโรป
- กรุงเทพประกันภัย (BKI)
- ราคาย่อมเยา
- รองรับการขอวีซ่า
- เคลมได้ทั้งในและนอกประเทศ
- ราคาย่อมเยา
💡 ราคาประกันโดยเฉลี่ย: 500 – 1,500 บาท สำหรับ 7–10 วัน (ขึ้นอยู่กับอายุผู้เอาประกันและแผนที่เลือก)
🧘 ต้องซื้อประกันแบบ “ครอบคลุมโควิด” ไหม?
แม้จะไม่ใช่ข้อบังคับแล้วในปี 2025 แต่ แนะนำให้เลือกแพ็กเกจที่มีคุ้มครองโควิด เผื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน เช่น ถูกกักตัว ติดเชื้อ หรือต้องเลื่อนเที่ยวบิน
ตัวอย่างเส้นทางเที่ยวฟินแลนด์ 7 วัน (แผนทริปง่ายๆ สำหรับมือใหม่)
ถ้าคุณกำลังมองหา “แผนเที่ยวฟินแลนด์ 7 วัน” ที่จัดมาแล้วครบ ทั้งธรรมชาติ เมืองหลวง แสงเหนือ และหมู่บ้านซานต้า — ผมขอเสนอแผนนี้เลยครับ เหมาะสำหรับมือใหม่ เที่ยวได้เอง ไม่เร่งรีบ และครอบคลุมไฮไลต์ของฟินแลนด์แบบจุใจ
ลองนึกภาพว่าคุณตื่นเช้ามาดูหิมะจากหน้าต่างกระท่อม ซดซุปแซลมอนอุ่น ๆ แล้วออกล่าแสงเหนือในคืนเดียวกัน — นี่คือความเรียบง่ายที่มีเสน่ห์ของฟินแลนด์ครับ
📅 วันที่ 1: เดินทางถึงเฮลซิงกิ + เดินเที่ยวเมือง
- เดินเล่นรอบ จัตุรัสเซเนท (Senate Square)
- แวะถ่ายรูปกับ โบสถ์หิน Temppeliaukio
- ล่องเรือสั้น ๆ ไปเกาะ Suomenlinna ป้อมปราการกลางทะเล
- ช้อปของฝากหรือของกินท้องถิ่นที่ ตลาดกลาง (Market Square)
ที่พักแนะนำ: โรงแรมใกล้สถานีรถไฟกลาง Helsinki Central
🚆 วันที่ 2: เดินทางไปโรวาเนียมี (Rovaniemi)
- เช้า: ขึ้นรถไฟกลางคืนจากเฮลซิงกิไปโรวาเนียมี (สามารถนอนบนเตียงได้)
- แนะนำให้จองล่วงหน้า 1–2 สัปดาห์ผ่าน VR.fi
- ถึงตอนเช้าของวันที่ 3 พอดี ประหยัดค่าที่พักคืนหนึ่งด้วย
🎅 วันที่ 3: หมู่บ้านซานตาคลอส + Arctic Circle
- เยี่ยมชม Santa Claus Village (เปิดตลอดปี)
- ส่งโปสการ์ดจากเขตขั้วโลกเหนือ
- ถ่ายรูปกับซานตาคลอสตัวจริง!
- เดินเล่นชมแสงเหนือในบริเวณรอบเมือง (หรือจองทัวร์ล่าแสงเหนือ)
ที่พักแนะนำ: Glass Igloo หรือกระท่อมไม้แถบ Santa Claus Village
🛷 วันที่ 4: ขับสโนว์โมบิล / ซาวน่าในป่า
- เช้า: ร่วมกิจกรรมขับสโนว์โมบิล, รถลากกวางเรนเดียร์ หรือ Huskies
- บ่าย: แช่ซาวน่าแบบดั้งเดิมริมแม่น้ำ หรือในกระท่อม
- ค่ำ: ออกทัวร์แสงเหนือรอบที่ 2 หรือถ่ายรูปทางช้างเผือก
🌌 วันที่ 5: เดินทางกลับเฮลซิงกิ
- กลับด้วยเครื่องบิน (ใช้เวลาประมาณ 1.5 ชม.)
- เช็คอินโรงแรมในเฮลซิงกิ พักผ่อน และเดินเล่นเบา ๆ
- แนะนำแวะร้านอาหารพื้นเมือง เช่น Lappi Ravintola
🎨 วันที่ 6: เที่ยวชมศิลปะ + ช้อปปิ้งของฝาก
- เยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์ Kiasma หรือ Ateneum
- เดินเล่นย่าน Design District สำหรับของแต่งบ้านแบรนด์ฟินแลนด์
- ซื้อของฝากที่ Marimekko, Iittala, Fazer (ช็อกโกแลตชื่อดัง)
🛫 วันที่ 7: เตรียมตัวเดินทางกลับประเทศไทย
- แนะนำให้ถึงสนามบินก่อนเวลาบิน 3 ชม.
- สนามบิน Helsinki-Vantaa เดินทางง่าย มีร้านค้าปลอดภาษีมากมาย
✨ สรุปทริป 7 วัน เที่ยวฟินแลนด์
- ครบทั้งเมือง ธรรมชาติ แสงเหนือ และวัฒนธรรม
- ไม่เร่ง เดินทางง่าย เหมาะกับผู้เริ่มต้น
- งบประมาณอยู่ในช่วง 60,000–90,000 บาท (ขึ้นอยู่กับการเลือกที่พักและกิจกรรม)
คำถามที่พบบ่อย (FAQs) ก่อนเที่ยวฟินแลนด์
ก่อนจะจบบทความ ผมได้รวบรวมคำถามยอดฮิตเกี่ยวกับการ เที่ยวฟินแลนด์ ที่นักเดินทางไทยถามกันบ่อย พร้อมคำตอบแบบกระชับ เข้าใจง่าย เพื่อให้คุณพร้อมก่อนออกเดินทางครับ
❓ 1. คนไทยไปเที่ยวฟินแลนด์ต้องขอวีซ่าไหม?
ตอบ: ต้องขอวีซ่าเชงเก้น (Schengen Visa) โดยยื่นผ่านสถานทูตฟินแลนด์ หรือศูนย์ VFS Global โดยใช้เวลาประมาณ 7–15 วันทำการ
❓ 2. ควรไปฟินแลนด์เดือนไหนถึงจะเห็นแสงเหนือ?
ตอบ: เดือนกันยายนถึงมีนาคมเป็นช่วงที่มีโอกาสเห็นแสงเหนือสูงที่สุด โดยเฉพาะช่วงกลางคืนในเมืองโรวาเนียมี อินารี หรือซาริเซลก้า
❓ 3. ไปเที่ยวฟินแลนด์ต้องใช้เงินสดเยอะไหม?
ตอบ: ไม่จำเป็นต้องพกเงินสดมาก เพราะฟินแลนด์เป็นประเทศที่นิยม ใช้บัตรเครดิต/เดบิตเกือบทุกที่ รวมถึงรถเมล์ ร้านอาหาร และแม้แต่ตู้ขายของอัตโนมัติ
❓ 4. อาหารฟินแลนด์กินยากไหม? มีอะไรที่คนไทยกินได้ง่าย ๆ ไหม?
ตอบ: ส่วนใหญ่เป็นอาหารเรียบง่าย เช่น ซุปแซลมอน ขนมปังไรย์ หรือพายเบอร์รี่ รสชาติไม่จัด กินง่าย และมีร้านอาหารนานาชาติในเมืองใหญ่ รวมถึงร้านอาหารเอเชียด้วย
❓ 5. ไปเที่ยวฟินแลนด์ต้องเตรียมเสื้อผ้ากี่ชั้น?
ตอบ: แนะนำ 3 ชั้นหลัก (Base Layer, Middle Layer, Outer Layer) โดยเฉพาะช่วงฤดูหนาว ควรมีเสื้อขนเป็ด หมวก ผ้าพันคอ ถุงมือ และรองเท้าลุยหิมะด้วย
❓ 6. ฟินแลนด์เที่ยวคนเดียวได้ไหม? อันตรายหรือเปล่า?
ตอบ: ปลอดภัยมาก! ฟินแลนด์ติดอันดับประเทศที่ปลอดภัยที่สุดในโลก เหมาะกับผู้หญิงเดินทางลำพัง และนักเดินทางมือใหม่ทุกคน
✅ สรุปส่งท้าย เที่ยวฟินแลนด์ – ดินแดนมหัศจรรย์ที่คุณต้องไปสักครั้งในชีวิต
ฟินแลนด์ไม่ใช่แค่ “ที่เที่ยว” แต่คือ ประสบการณ์ ที่จะพาคุณออกจากความวุ่นวาย มาสู่ความสงบ ธรรมชาติบริสุทธิ์ และวิถีชีวิตเรียบง่ายแบบสแกนดิเนเวียนแท้ ๆ
ไม่ว่าคุณจะอยากล่าแสงเหนือ กอดซานตาคลอส ดื่มกาแฟริมทะเลสาบ หรือแค่นั่งซาวน่าท่ามกลางหิมะ — ฟินแลนด์พร้อมจะเปิดประตูต้อนรับคุณเสมอครับ
อ้างอิง (แหล่งข้อมูลน่าเชื่อถือ)