คัปปาโดเกีย (Cappadocia) อัพเดท 2025 เมืองมหัศจรรย์แห่งความแปลกใหม่ของตุรกี

คัปปาโดเกีย (Cappadocia)

คัปปาโดเกีย (Cappadocia) ประเทศตุรกี ตั้งอยู่ในบริเวณที่เคยเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรโบราณหลายแห่ง เช่น อาณาจักรฮิตไทต์ (Hittite), อาณาจักรเปอร์เซีย, อาณาจักรโรมัน และไบแซนไทน์ สำหรับเมืองนี้มีความโดดเด่นและความสวยงามอย่างบอลลูนที่ลอยล่องอยู่เต็มท้องฟ้าและอีกมากมาย

โดยหากจะพูดถึง เมืองคัปปาโดเกีย (Cappadocia) ที่นี่ถือเป็นดินแดนที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายพันปี และมีเรื่องราวโดดเด่นอยู่หลายเรื่องด้วยกันไม่ว่าจะเป็นในช่วง ศตวรรษที่ 6-4 ก่อนคริสต์ศักราช คัปปาโดเกียอยู่ภายใต้การปกครองของ จักรวรรดิเปอร์เซีย และต่อมา อเล็กซานเดอร์มหาราช ก็ได้เข้ามายึดครองในช่วงศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสต์ศักราช จนกระทั้งเมื่อจักรวรรดิโรมันเข้ามาปกครอง คัปปาโดเกียก็ได้กลายเป็น ศูนย์กลางของศาสนาคริสต์ยุคแรก และเป็นที่หลบภัยของชาวคริสเตียนที่หนีจากการกดขี่ของโรมัน

สนใจเลือกเที่ยวตุรกีไปกับ GoTogetherTravel ผู้นำด้านการท่องเที่ยว

ทัวร์ตุรกี

Line: @GoTogetherTravel   โทร: 02-214-6088 , 081-405-9726

คัปปาโดเกีย (Cappadocia)

ที่สำคัญ คัปปาโดเกีย ยังได้รับการประกาศจากองค์การยูเนสโก (UNESCO World Heritage Site) ให้เป็นเมืองมรดกโลก เมื่อปี ค.ศ.1985 เนื่องจากที่นี่เป็นเมืองที่มีลักษณะทางกายภาพที่พิเศษ จากการระเบิดของภูเขาไฟในยุกก่อน ทำให้เมืองนี้มีพื้นผิวที่แปลกตา และแตกต่างกันออกไป แต่ทว่าความแปลกตานั้นกลับกลายเป็นความสวยงามที่หาจากที่ไหนไม่ได้เลย

ไม่แปลกใจเลยว่าที่นี่กลายเป็นสถานที่ยอดนิยอมของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าที่ประเทศตุรกี ที่เดินทางมาชมความแปลกตามีหินน้อยใหญ่เป็นรูปแท่งกรวย ทรงคว่ำ ทั้งปล่อง กระโจม โดม จนได้รับการขนานนามว่าเป็นเมือง ปล่องไฟนางฟ้า (Fairy Chimney) และในวันนี้เรา gotogethertravel จะพาไปชมสถานที่อันแสนงดงามอย่างเมือง คัปปาโดเกีย ในปี 2025 เมืองที่ถือได้ว่าเป็นมนต์เสน่ห์แห่งภูเขาไฟที่ดับแล้ว และเป็นจุดที่สามารถชื่นชมบอลลูนกับทัศนียภาพของธรรมชาติที่สวยงาม นอกจากนี้ยังมีอะไรอีกบ้างให้คุณเข้าไปสัมผัสและค้นพบมากมายจากนี้ ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันได้เลย

นั่งบอลลูนลมร้อนที่ คัปปาโดเกีย (Cappadocia) ประสบการณ์สำคัญที่ใคร ๆ ก็ต้องทำหากมาที่นี่

คัปปาโดเกีย (Cappadocia)

คัปปาโดเกีย (Cappadocia) ประเทศตุรกี เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ ดีที่สุดในโลกสำหรับการขึ้นบอลลูนลมร้อน ด้วยภูมิประเทศที่แปลกตา เต็มไปด้วยหุบเขาหินทรงกรวย (Fairy Chimneys) และเมืองถ้ำโบราณ การได้ลอยขึ้นฟ้าชมพระอาทิตย์ขึ้นเหนือภูมิทัศน์สุดมหัศจรรย์คือ ประสบการณ์ที่คุณต้องลองสักครั้งในชีวิต 

หากคุณได้ทำการจองตั๋วในการขึ้นบอลลูน เราขอแนะนำช่วงเวลาต่าง ๆ ทั้งก่อนขึ้นบอลลูนไปจนถึงการลงจอดให้กับทุกท่านเพื่อเป็นการเตรียมพร้อมอีกด้วย

  • 04:00-05:00 น. – ตื่นเช้าก่อนพระอาทิตย์ขึ้น รถจากบริษัทบอลลูนจะมารับคุณที่โรงแรม และพาไปยังจุดปล่อยบอลลูน
  • 05:30 น. – รับประทานอาหารเช้าแบบเบาๆ พร้อมชมการเตรียมบอลลูนและถ่ายรูปกับบอลลูนที่กำลังถูกเป่าลม
  • 🎈 06:00 น. – เริ่มออกเดินทาง! บอลลูนจะค่อยๆ ลอยขึ้นฟ้า ขณะที่แสงแรกของวันค่อยๆ สาดส่องลงบนหินสีส้ม-ชมพูของคัปปาโดเกีย คุณจะได้เห็น ทิวทัศน์สุดอลังการ และบอลลูนอีกนับร้อยลูกลอยอยู่บนท้องฟ้า
  • 🌄 06:30-07:00 น. – บอลลูนลอยสูงขึ้นไปประมาณ 500-800 เมตร และเคลื่อนผ่านหุบเขา เมืองโบราณ และภูมิทัศน์ที่ดูราวกับโลกแฟนตาซี
  • 🥂 07:30 น. – ลงจอดอย่างปลอดภัย พร้อมรับ ใบประกาศนียบัตร และดื่มแชมเปญฉลองประสบการณ์สุดพิเศษ

แนะนำการจองกิจกรรมล่วงหน้าเพื่อไม่ให้พลาด

คัปปาโดเกีย (Cappadocia)

✔ จองล่วงหน้า อย่างน้อย 1-2 เดือน โดยเฉพาะช่วงไฮซีซั่น

✔ ราคาเริ่มต้น 150-300 USD (~5,500-11,000 บาท) ขึ้นอยู่กับบริษัทและช่วงเวลา

เคล็ดลับการขึ้นบอลลูนให้ฟินสุดๆ แนะนำให้ใส่เสื้อผ้าหนาๆ เพราะตอนเช้าอากาศหนาวมาก และเตรียมกล้องหรือมือถือให้พร้อม เพราะวิว สวยอลังการทุกมุม! 

ข้อแนะนำเพิ่มเติม ถ้าบอลลูนถูกยกเลิกเพราะลมแรงจะทำให้ทริปนั้นหมดสนุกแน่นอน เราขอแนะนำให้เลือกบริษัทบอลลูนที่มีรีวิวดีเพื่อความปลอดภัย

แน่นอนหากคุณไม่รู้จะจองกิจกรรมนี้อย่างไรเราขอแนะนำให้ติดต่อบริษัทของเรา gotogethertravel เพื่อให้ทุกท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดจากการท่องเที่ยวที่นี่ รับรองไม่มีผิดหวัง

ไฮไลท์สถานที่สำคัญที่ต้องไปเยือนให้ได้ใน คัปปาโดเกีย ปี 2025

คัปปาโดเกีย (Cappadocia) เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่สวยงามและแปลกตาที่สุดในโลก ด้วยภูมิประเทศที่เกิดจากหินภูเขาไฟ และประวัติศาสตร์อันยาวนานที่สืบทอดมาตั้งแต่อาณาจักรฮิตไทต์ ไฮไลต์ของที่นี่แม้จะหนีไม่พ้นการลอยบอลลูนเหนือหุบเขา เพื่อชมทัศนียภาพราวกับอยู่บนดินแดนเทพนิยาย แต่เหนือสิ่งอื่นใดที่คัปปาโดเกีย (Cappadocia) ยังมีอีก 4 สถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์สุดพิเศษในปี 2025 ที่คุณห้ามพลาดอย่างเด็ดขาด

1. หุบเขาเกอเรเม (Göreme) และพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง

หุบเขาเกอเรเม (Göreme)
หุบเขาเกอเรเม (Göreme)

หุบเขาเกอเรเม (Göreme Valley) เป็นศูนย์กลางของคัปปาโดเกียและเป็นที่ตั้งของ พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม (Göreme Open Air Museum) ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลกของยูเนสโก (UNESCO World Heritage Site) ตั้งแต่ปี 1985 ที่นี่เต็มไปด้วย โบสถ์ถ้ำและอารามโบราณ ที่ถูกสลักขึ้นจากหินภูเขาไฟ

โดยไฮไลต์สำคัญของที่นี่นั้นจะเป็น โบสถ์ถ้ำ (Rock-Cut Churches) ซึ่งภายในพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเมมีโบสถ์ถ้ำมากมายที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 10-12 โดยชาวคริสต์ที่ลี้ภัยจากการกดขี่ของจักรวรรดิโรมันนั่นเอง และยังมี อารามและที่อยู่อาศัยในถ้ำ (Monastic Complexes & Dwellings) โดยโบสถ์และอารามในหุบเขาเกอเรเมถูกสร้างขึ้นเป็นเครือข่ายของอุโมงค์และถ้ำที่เชื่อมต่อกัน

ซึ่งหลักฐานทางประวัติศาสตร์ได้บ่งบอกว่าสถานที่แห่งนี้ชาวคริสต์ยุคแรกใช้ที่นี่เป็นศูนย์กลางทางศาสนา และเป็นที่หลบภัยจากสงคราม และที่ห้ามพลาดเลยคือ ภาพจิตรกรรมฝาผนังไบแซนไทน์ (Byzantine Frescoes) ที่มีอายุมากกว่า 1,000 ปี ทำให้เป็นหนึ่งในแหล่งโบราณคดีและวัฒนธรรมที่สำคัญที่สุดในตุรกีนั่นเอง

แน่นอนว่าที่นี่ยังมีกิจกรรมที่เป็นไฮไลท์อีกด้วยนั่นก็ คือ นั่งบอลลูนลมร้อนยามเช้า เพื่อชมทัศนียภาพเหนือหุบเขาเกอเรเม นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม เดินป่าและปีนเขาในหุบเขาเกอเรเม ซึ่งมีเส้นทางเดินป่าที่เชื่อมไปยัง Love Valley และ Red Valley ได้อีกด้วย

ที่ตั้ง : https://maps.app.goo.gl/QRnBLivi9Snfkn6J9

💰 ค่าเข้าชม 150 ลีราตุรกี (~225 บาท)
เวลาเปิด-ปิด ทุกวัน 08:00 – 17:00 น.

2. ปราสาทอุชิซาร์ (Uçhisar Castle) จุดชมวิวที่สูงที่สุดในคัปปาโดเกีย

ปราสาทอุชิซาร์ (Uçhisar Castle)
ปราสาทอุชิซาร์ (Uçhisar Castle)

ปราสาทอุชิซาร์ (Uçhisar Castle) เป็นแลนด์มาร์กสำคัญของคัปปาโดเกียและเป็นจุดชมวิวที่สูงที่สุดในภูมิภาคนี้ ตั้งอยู่บนยอดเขาหินภูเขาไฟขนาดใหญ่ที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของหุบเขาและเมืองโดยรอบได้แบบ 360 องศา นอกจากความงดงามทางธรรมชาติแล้ว ปราสาทแห่งนี้ยังเต็มไปด้วย ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมโบราณ ที่เคยเป็นที่อยู่อาศัยของชาวเมืองและทหารในช่วงสงคราม อีกทั้งยังเป็นป้อมปราการป้องกันศัตรูในอดีตที่ถูกสร้างขึ้นโดยชาวโรมันและต่อมาถูกใช้โดยจักรวรรดิไบแซนไทน์ และออตโตมัน

โดยไฮไลต์สำคัญของที่นี่นั้นจะเป็น จุดชมวิวพาโนรามา 360 องศา ในปราสาทอุชิซาร์ จะมีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพของคัปปาโดเกียได้ไกลสุดลูกหูลูกตานั่นเองที่จะทำให้คุณได้เห็นทิวทัศน์ของ หุบเขาเกอเรเม (Göreme Valley) เสาหินรูปร่างแปลกตาใน Love Valley และ Pigeon Valley รวมไปถึง ภูเขาไฟเออร์เจียส (Mount Erciyes) ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของหินภูเขาไฟในคัปปาโดเกียอีกด้วย นอกจากนี้ภายในปราสาทมี ห้องถ้ำ อุโมงค์ และเส้นทางลับ ที่เคยใช้เป็นที่พักอาศัยของชาวเมืองในอดีต และมีห้องต่าง ๆ เช่น ห้องเก็บอาหาร ห้องประชุม และโบสถ์ถ้ำเล็ก ๆ 

หากคุณยังไม่จุใจอยากให้คุณได้ลองไปสำรวจหมู่บ้านอุชิซาร์ ซึ่งที่นี่นั้นเต็มไปด้วย คาเฟ่ ร้านขายของที่ระลึก และ Cave Hotels ที่ให้บรรยากาศแบบดั้งเดิม เพื่อให้คุณได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศของ คัปปาโดเกีย (Cappadocia) ได้อย่างเต็มที่นั่นเอง

ที่ตั้ง : https://maps.app.goo.gl/yrxrVgfFaiEQ5zds6

💰 ค่าเข้าชม 50 ลีราตุรกี (~75 บาท)
เวลาเปิด-ปิด 08:00 – 19:00 น.

3. หุบเขาแห่งความรัก (Love Valley) จุดถ่ายรูปสุดโรแมนติกแห่งคัปปาโดเกีย

หุบเขาแห่งความรัก (Love Valley)
หุบเขาแห่งความรัก (Love Valley)

หุบเขาแห่งความรัก (Love Valley) เป็นหนึ่งในสถานที่ที่สวยและมีเอกลักษณ์ที่สุดของคัปปาโดเกีย โดยชื่อ “Love Valley” ของที่นี่นั้นมาจากเสาหินที่เกิดจากธรรมชาติที่มีทรงแปลกตามีรูปร่างคล้าย เสาหินฟาโรห์ (Phallic Rock Formations) จึงทำให้คนท้องถิ่นได้ตั้งชื่อหุบเขานี้ว่า “หุบเขาแห่งความรัก” พร้อมทั้งที่นี่ยังมีวิวที่งดงาม ทำให้ที่นี่กลายเป็น จุดชมวิวและจุดถ่ายภาพยอดนิยม โดยเฉพาะในช่วงพระอาทิตย์ขึ้นที่มีบอลลูนลมร้อนลอยอยู่เต็มท้องฟ้า

โดยไฮไลต์ของที่นี่นั้นจะเป็น เสาหินธรรมชาติรูปร่างแปลกตาที่เรียกว่า “Fairy Chimneys” หรือ เสาหินทรงสูง ที่เกิดจากการกัดเซาะของลมและฝนเป็นเวลาหลายล้านปี โดยบางเสามีความสูงถึง 40 เมตร เลยทีเดียว นอกจากนี้นักท่องเที่ยวส่วนมากยังนิยมไป Love Valley Viewpoint ที่ถือเป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่ดีที่สุดของคัปปาโดเกีย ที่นี่สามารถมองเห็น บอลลูนลมร้อนลอยอยู่ท่ามกลางหุบเขา ได้อย่างชัดเจนอีกด้วย

หากคุณต้องการหากิจกรรมทำสำหรับคู่รัก เราขอแนะนำให้ลองไป ขี่ม้าชมวิว (Horseback Riding) ดูรับรองไม่มีผิดหวังแถมราคายังไม่แพงมากอีกด้วยอยู่ที่ 25-30 เหรียญ (ประมาณ 900 – 1000 บาท) ต่อชั่วโมง หรือหากคุณเป็นอยากหากิจกรรมมัน ๆ เราขอแนะนำ เช่ารถ ATV ขับตะลุยเส้นทางหุบเขา ราคาเริ่มต้นที่ 40-50 เหรียญ (ประมาณ 1,500 – 1,800 บาท) ต่อ 2 ชั่วโมง 

ที่ตั้ง : https://maps.app.goo.gl/szKko4AqAMyLgHUb7

💰 ค่าเข้าชม ฟรี
เวลาเปิด-ปิด เปิดตลอด 24 ชั่วโมง

4. เมืองใต้ดินเดอรินคูยู (Derinkuyu Underground City) ความลับใต้พิภพแห่งคัปปาโดเกีย

เมืองใต้ดินเดอรินคูยู (Derinkuyu Underground City)
เมืองใต้ดินเดอรินคูยู (Derinkuyu Underground City)

เมืองใต้ดินเดอรินคูยู (Derinkuyu Underground City) เป็นหนึ่งในเมืองใต้ดินที่ใหญ่และลึกที่สุดของคัปปาโดเกีย และเป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางประวัติศาสตร์ที่สะท้อนถึง ภูมิปัญญาและเทคนิคการก่อสร้างของอารยธรรมโบราณ ซึ่งเดอรินคูยู (Derinkuyu) ได้ถูกค้นพบในปี 1963 โดยบังเอิญ ขณะที่ชาวบ้านทำการปรับปรุงบ้านของตนเอง

ภายหลังจากการถูกค้นพบเมื่อขุดลึกลงไปใต้ดินกว่า 85 เมตร นั้นจึงทราบว่าที่นี่เคยถูกใช้เป็นที่หลบภัยของ ชาวคริสต์ยุคแรก และชาวเมืองในช่วงสงครามนั่นเอง โดยเมืองใต้ดินแห่งนี้นั้นคาดว่าเริ่มถูกขุดขึ้นตั้งแต่ ศตวรรษที่ 8-7 ก่อนคริสต์ศักราช โดยชาว ฟริเจียน (Phrygians) และถูกขยายเพิ่มเติมโดยชาวไบแซนไทน์ และคริสต์ศาสนิกชนที่ต้องการหลบหนีจากการรุกรานของศัตรู ซึ่งเมืองใต้ดินแห่งนี้สามารถรองรับคนได้มากถึง 20,000 คน และมีชั้นทั้งหมด 18 ชั้น แต่ปัจจุบันเปิดให้เข้าชมเพียง 8 ชั้นแรกเท่านั้น

ไฮไลต์ของที่นี่จะเป็นการเข้าชม เครือข่ายอุโมงค์ที่ซับซ้อน ที่เต็มไปด้วย ทางเดินลับ บันไดแคบ และห้องต่าง ๆ ที่เชื่อมต่อกัน และยังมีการเชื่อมต่อกับเมืองใต้ดินอื่น ๆ อีกด้วย เช่น เมืองไคมัคลี (Kaymaklı Underground City) นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่น่าทึ่งที่สุดของเดอรินคูยูอีกด้วยนั่นก็ คือ “ประตูกลิ้งหิน” ซึ่งเป็น ก้อนหินหนักกว่า 500 กิโลกรัม ที่สามารถเลื่อนปิดได้จากภายใน โดยประตูเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อ ป้องกันศัตรูจากการบุกรุก นั่นเอง

ที่ตั้ง : https://maps.app.goo.gl/VZnKJxeQYagx6ZjCA

💰 ค่าเข้าชม 100 ลีราตุรกี (~150 บาท)
เวลาเปิด-ปิด 08:00 – 17:00 น.

ห้ามพลาด!! เปิดประสบการณ์ความอร่อยแบบตุรกีแท้ๆ ด้วยอาหารท้องถิ่นจาก คัปปาโดเกีย ที่คุณต้องลอง

คัปปาโดเกีย (Cappadocia) ไม่ได้มีดีแค่บอลลูนลมร้อนและวิวหินทรงประหลาด แต่ยังเป็นแหล่งรวมอาหารตุรกีที่อร่อยและมีเอกลักษณ์ หากคุณมาเยือนที่นี่ ต้องไม่พลาดลิ้มลอง อาหารท้องถิ่นสุดพิเศษ ที่ผสมผสานวัฒนธรรมและรสชาติแบบดั้งเดิม จะมีอะไรบ้างนั้นไปดูกันได้เลย

1. Kebab Pottery – เคบับหม้อดิน ตุรกีแท้ๆ

Kebab Pottery
Kebab Pottery

Kebab Pottery (Testi Kebabı) เป็นอาหารซิกเนเจอร์ของคัปปาโดเกียที่เสิร์ฟมาใน หม้อดินเผาปิดผนึก ด้านในมีเนื้อแกะ เนื้อวัว หรือไก่ เคี่ยวกับมะเขือเทศ หัวหอม และเครื่องเทศจนหอมกรุ่น เหมาะสำหรับคนที่อยากลองอาหารตุรกีแท้ๆ พร้อมโชว์การเสิร์ฟที่เป็นเอกลักษณ์

ร้านแนะนำ

  1. Dibek Restaurant (เมืองเกอเรเม) – ร้านเก่าแก่ที่มีบรรยากาศแบบดั้งเดิม พิกัดร้าน : https://maps.app.goo.gl/1zz9c4B7XaAGhfZM8
  2. Seten Restaurant – วิวสวยและอาหารคุณภาพเยี่ยม พิกัดร้าน : https://maps.app.goo.gl/UmdkZpbVpmcUPBsEA

2. Gözleme – เครปตุรกีแป้งบาง ไส้แน่น

Gözleme
Gözleme

Gözleme คือ เครปสไตล์ตุรกี ที่ทำจากแป้งบางๆ กรอบนอก นุ่มใน ย่างบนกระทะร้อน ด้านในสอดไส้ชีส มันฝรั่ง ผักโขม หรือเนื้อสัตว์ ราดด้วยโยเกิร์ตและซอสพริก มีให้เลือกหลายไส้ ทั้งหวานและคาว กินคู่กับชาตุรกี (Çay) ฟินสุดๆ เป็นอาหารทานเล่นยอดนิยมของชาวตุรกี

ร้านแนะนำ

  1. Mama’s Gözleme – ร้านเล็กๆ ที่ทำ Gözleme สดๆ ทุกวัน พิกัดร้าน : https://maps.app.goo.gl/zFnUMNPqDLZmtNys5
  2. Fat Boys Restaurant – เหมาะสำหรับมื้อเบาๆ ริมทาง พิกัดร้าน : https://maps.app.goo.gl/gV3wa1MkojV1aeny8

3. ไวน์ท้องถิ่นจาก Cappadocia – สัมผัสรสชาติไวน์จากดินแดนแห่งหินภูเขาไฟ

คัปปาโดเกีย (Cappadocia)

คัปปาโดเกียเป็นหนึ่งใน แหล่งผลิตไวน์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก เนื่องจากดินที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุจากหินภูเขาไฟ ทำให้ไวน์ที่นี่มีรสชาติเข้มข้นและโดดเด่น โดยเฉพาะ ไวน์แดง Öküzgözü และ Boğazkere ซึ่งที่นี่มีโรงไวน์ให้เยี่ยมชม และชิมไวน์ฟรีได้อีกด้วย เหมาะกับการดื่มคู่กับอาหารตุรกีสุดๆ ไปเลย

โรงไวน์แนะนำ

  1. Turasan Winery – โรงไวน์ที่ใหญ่ที่สุดในคัปปาโดเกีย พิกัด : https://maps.app.goo.gl/ukPTmmgV6ordP9QN7
  2. Kocabağ Winery – ไวน์คุณภาพสูง บรรยากาศดี พิกัด : https://maps.app.goo.gl/oYxNcswYK6s52WBy5

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับคัปปาโดเกีย

Q:คัปปาโดเกียเที่ยวเดือนไหนดีที่สุด?

A: อยากได้อากาศเย็นสบาย วิวสวยต้อง ฤดูใบไม้ผลิ (เมษายน – มิถุนายน) และฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน – พฤศจิกายน) หากอยากเที่ยวแบบคึกคัก มีอากาศร้อนแนะนำ ฤดูร้อน (กรกฎาคม – สิงหาคม) แต่หากอยากเห็นหิมะและวิวบอลลูนสุดโรแมนติกต้อง ฤดูหนาว (ธันวาคม – มีนาคม)

Q:ต้องจองบอลลูนล่วงหน้าไหม?

A: ต้องจองล่วงหน้า! โดยเฉพาะในช่วง เมษายน – ตุลาคม ซึ่งเป็นไฮซีซั่นของคัปปาโดเกีย บอลลูนเป็นกิจกรรมยอดนิยมมาก และเต็มเร็วมาก แนะนำเลยว่า

  • จองล่วงหน้า อย่างน้อย 1-2 เดือน
  • เลือกบริษัทที่ได้รับใบอนุญาตและมีรีวิวดี เช่น Butterfly Balloons, Royal Balloons, Voyager Balloons
  • ราคาขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและบริษัท โดยเริ่มต้นที่ 150-300 USD (~5,500-11,000 บาท)

คัปปาโดเกีย (Cappadocia)

Q:เที่ยวคัปปาโดเกียด้วยตัวเองหรือซื้อทัวร์ดีกว่า?

A: ดีทั้ง 2 แบบซึ่งหากคุณนั้นต้องการ เที่ยวด้วยตัวเอง จะเหมาะสำหรับสายลุยและต้องการอิสระ แน่นอนว่ามันประหยัดเงินกว่าทัวร์ แต่ต้องวางแผนดีๆ แต่หากคุณนั้นเลือก ซื้อทัวร์ จะเหมาะสำหรับคนที่ต้องการความสะดวกสบาย มีไกด์พาชมและอธิบายประวัติศาสตร์ ไม่ต้องกังวลเรื่องการเดินทางและอาหารการกิน

Q:ต้องใช้วีซ่าหรือไม่?

A: คนไทยเที่ยวตุรกีได้ “ไม่ต้องใช้วีซ่า” และสามารถพำนักได้นาน 30 วัน 

สนใจเลือกเที่ยวตุรกีไปกับ GoTogetherTravel ผู้นำด้านการท่องเที่ยว

ทัวร์ตุรกี

ช่องทางติดต่อได้ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 9.00 -17.00 น.

Line: @GoTogetherTravel

โทร: 02-214-6088 , 081-405-9726

Our Best Partners: https://kasinopaynplay.com/ Vulkan Vegas Casino verovapaat nettikasinot ilman rekisteröintiä casino score crazy ট্র্যাকসিনো como ganhar dinheiro no jogo do coelho crazy time winning strategy viron lisenssi kasino https://luckyjetslots.com/tg/ aviator bonus