บอลข่าน (balkans) ดินแดนแห่งเมืองประวัติศาสตร์และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่สวยงาม เป็นภูมิภาคทางตะวันออกเฉียงใต้ของยุโรป ที่รวบรวมประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และธรรมชาติที่งดงามหลากหลาย ครบจบในโซนเดียว มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้ ไม่ว่าจะเป็นเมืองโบราณ ทะเลสาบที่สวยงาม รวมถึงปราสาทบนภูเขา และสถานที่เหล่านี้คือสถานที่ท่องเที่ยว ที่คุณไม่ควรพลาดถ้าไปบอลข่าน
สนใจเลือกเที่ยวบอลข่านไปกับ GoTogetherTravel ผู้นำด้านการท่องเที่ยว
Line: @GoTogetherTravel โทร: 02-214-6088 , 081-405-9726
ทีราน่า (Tirana) เมืองหลวงแห่งแอลเบเนียที่เต็มไปด้วยสีสันและชีวิตชีวา
เมืองหลวงแสนสวยริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศแอลเบเนีย ทีราน่านั้นเต็มไปด้วยสีสัน และเป็นหัวใจดวงน้อยของดินแดนบนคาบสมุทร โดยสถานที่นี้นั้นตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาและใกล้กับชายฝั่งทะเล การได้เดินทางมายังเมืองนี้ และประทับใจกับความมีชีวิตชีวาและความสดใสของเมือง ทันทีที่เข้าสู่ จัตุรัส Skanderbeg ที่เป็นหัวใจสำคัญของเมือง จะรู้สึกได้ถึงประวัติศาสตร์ที่ผสมผสานกับความทันสมัยอันมีสีสัน โดยมี อนุสาวรีย์ Skanderbeg นักรบผู้เป็นวีรบุรุษแห่งชาติ ยืนตระหง่านอยู่กลางจัตุรัส ทิวทัศน์รอบข้างเต็มไปด้วยตึกอาคารสีสันสดใส รวมถึงมัสยิด Et’hem Bey ที่มีความสำคัญทางศาสนาและสถาปัตยกรรม
สิ่งที่ทำให้ทีราน่านั้นน่าสนใจยิ่งขึ้นคือการเดินเล่นในย่าน Blloku ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นเขตจำกัดของเจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์ แต่ปัจจุบันกลายเป็นย่านคึกคักเต็มไปด้วยร้านอาหาร คาเฟ่ และบาร์ มีบรรยากาศที่ผสมผสานระหว่างความเก่าและความใหม่ได้อย่างลงตัว
ฉันยังได้มีโอกาสขึ้นไปยัง ภูเขา Dajti โดยนั่งเคเบิลคาร์ไปชมวิวแบบพาโนรามาของเมืองจากมุมสูง ความสงบและความงดงามของธรรมชาติบนยอดเขาทำให้รู้สึกเหมือนได้หลีกหนีจากความวุ่นวายของเมืองใหญ่
ทีราน่าเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และความมีชีวิตชีวาที่คุณจะรู้สึกหลงรักได้ทันที หากคุณมีโอกาสได้เยือนแอลเบเนีย ทีราน่าคือเมืองที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งในคาบสมุทรบอลข่าน
คูจ้า (Kruja) เมืองแห่งประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของแอลเบเนีย
คูจ้า (Kruja) เป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของแอลเบเนีย ตั้งอยู่บนภูเขาที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่งดงามได้จากระยะไกล เมืองนี้เป็นบ้านเกิดของ สแกนเดอร์เบก (Skanderbeg) วีรบุรุษแห่งชาติที่ต่อสู้เพื่ออิสรภาพจากจักรวรรดิออตโตมัน ในครั้งที่ฉันได้เยือนที่นี่ ฉันเริ่มทริปด้วยการสำรวจ ปราสาทคูจ้า (Kruja Castle) ซึ่งเป็นสถานที่ที่เคยเป็นป้อมปราการของสแกนเดอร์เบก การเดินชมภายในปราสาททำให้สัมผัสได้ถึงประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ของเมืองนี้
นอกจากปราสาทแล้ว พิพิธภัณฑ์ Skanderbeg ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่น่าตื่นเต้น ฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับการต่อสู้ของสแกนเดอร์เบกผ่านนิทรรศการที่จัดแสดงอย่างน่าสนใจ จากนั้นฉันเดินไปที่ตลาดพื้นเมือง ซึ่งเป็นตลาดเก่าแก่ที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมแบบดั้งเดิม มีสินค้าหัตถกรรมพื้นบ้านและของที่ระลึกต่างๆ ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของวัฒนธรรมแอลเบเนีย ฉันได้มีโอกาสพูดคุยกับพ่อค้าในตลาดและได้ลองชิมขนมพื้นเมืองที่อร่อยและเป็นเอกลักษณ์
นอกจากนี้การเดินเล่นในตัวเมืองคูจ้ายังได้เห็นความงดงามของธรรมชาติรอบๆ เมือง และทิวทัศน์ของเทือกเขาที่ล้อมรอบ ทุกซอกทุกมุมของเมืองนี้เต็มไปด้วยความสงบและบรรยากาศที่เป็นมิตร สำหรับฉัน การมาเยือนคูจ้าคือการได้สัมผัสกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่สวยงามอย่างลึกซึ้งในบรรยากาศที่แสนอบอุ่น
โอห์ริด (Ohrid) ไข่มุกแห่งบอลข่านที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และความงดงามของธรรมชาติ
โอห์ริด (Ohrid) เมืองแสนสวยแห่งมาซิโดเนีย ตั้งอยู่ริมทะเลสาบโอห์ริด (Ohrid Lake) ซึ่งมีพื้นที่เชื่อมระหว่างสองประเทศ คือ แอลบาเนียและมาซิโดเนีย เป็นเมืองที่ชื่อว่ามีโบสถ์มากถึง 365 หลัง โดยสร้างเป็นสัญลักษณ์ของการทำพิธีวันละหนึ่งแห่ง เมื่อครบทุกแห่งก็จะเท่ากับระยะเวลาหนึ่งปีพอดี
โอห์ริด (Ohrid) เป็นเมืองเล็กๆ ในประเทศมาซิโดเนียเหนือ ที่ตั้งอยู่ริม ทะเลสาบโอห์ริด ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก ความประทับใจครั้งแรกของนักท่องเที่ยวหลายๆ คนที่มีต่อเมืองนี้คือวิวที่งดงามราวกับหลุดออกมาจากนิทาน น้ำทะเลสีฟ้าใสสะอาดและทิวทัศน์ของภูเขาที่โอบล้อมทำให้รู้สึกสงบและผ่อนคลาย
ขอแนะนำให้เริ่มต้นการสำรวจเมืองนี้ด้วยการเดินขึ้นไปชม ปราสาทซามูเอล (Samuel’s Fortress) ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาและสามารถมองเห็นวิวที่สวยงามของทั้งเมืองและทะเลสาบจากมุมสูง การเดินในปราสาทที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานทำให้รู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของอดีต ยิ่งขึ้นไปบนยอดกำแพงปราสาท ยิ่งให้ความประทับใจกับวิวแบบพาโนรามาที่สามารถเห็นทะเลสาบและเมืองโอห์ริดในบรรยากาศที่เงียบสงบ
นอกจากนี้เดินทางไปยัง โบสถ์เซนต์จอห์นที่คาเนโอ (Church of St. John at Kaneo) ซึ่งเป็นโบสถ์เก่าแก่ที่ตั้งอยู่ริมหน้าผา วิวของโบสถ์เล็กๆ ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางทะเลสาบสีฟ้าและภูเขาสีเขียวขจีเป็นภาพที่งดงามจนแทบลืมหายใจ นอกจากนี้ยังมีโบสถ์เก่าแก่อีกมากมายที่กระจายอยู่ทั่วเมือง ทำให้โอห์ริดได้รับฉายาว่าเป็น “เยรูซาเล็มแห่งบอลข่าน”
นอกเหนือจากประวัติศาสตร์แล้ว เมืองนี้ยังมีบรรยากาศที่ผ่อนคลายและเป็นกันเอง ได้เดินเล่นบนถนนสายเล็กๆ ในย่านเมืองเก่า และพบกับร้านค้าเล็กๆ ที่ขายสินค้าพื้นเมืองและไข่มุกโอห์ริด ซึ่งเป็นของฝากยอดนิยมของที่นี่ และขอแนะนำให้ลองชิมอาหารท้องถิ่นในร้านอาหารริมทะเลสาบ พร้อมกับชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามไปด้วยรับรองเลยว่าประทับใจแน่นอน
โอห์ริดเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และความงดงามทางธรรมชาติที่น่าหลงใหล หากคุณกำลังมองหาสถานที่ที่เงียบสงบแต่มีเสน่ห์ลึกซึ้ง เมืองนี้คือจุดหมายปลายทางที่คุณไม่ควรพลาด
พริซเร่น (Prizren) เมืองแห่งวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ในโคโซโว
พริซเร่น (Prizren) เป็นเมืองที่มีเสน่ห์ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมในโคโซโว ในคาบสมุทรบอลข่าน สิ่งที่นักท่องเที่ยวหลายๆ คนประทับใจที่มาเยือน แนะนำให้เริ่มต้นทริปด้วยการเดินขึ้นไปชม ป้อมปราการพริซเร่น (Prizren Fortress) ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขา มองเห็นวิวเมืองและแม่น้ำที่ทอดยาวไปยังภูเขาเบื้องหลัง ทิวทัศน์นี้ทำให้ประทับใจอย่างมาก
ถัดไปแนะนำให้ไปเยี่ยมชม มัสยิด Sinan Pasha มัสยิดเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยลวดลายอิสลามที่งดงาม การได้เดินเล่นในย่านเมืองเก่าที่มีอาคารสไตล์ออตโตมันและคาเฟ่ท้องถิ่นริมถนนทำให้รู้สึกถึงความอบอุ่นและความเป็นมิตรของคนในพื้นที่
นอกจากนี้ในช่วงยามเย็นของที่นี่ เดินเล่นริมแม่น้ำ Bistrica และแวะทานอาหารท้องถิ่น พร้อมชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าจากสะพานหินเก่าแก่ที่เป็นสัญลักษณ์ของเมือง บรรยากาศที่เงียบสงบและเต็มไปด้วยเสน่ห์ของพริซเร่นทำให้รู้สึกหลงรักที่นี่ทันที เมืองนี้มีทั้งความเก่าแก่ทางประวัติศาสตร์และการผสมผสานวัฒนธรรมที่ทำให้การมาเยือนเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำอย่างแท้จริง
สโคเพีย (Skopje) เมืองหลวงแห่งมาซิโดเนียเหนือที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และความทันสมัย
สโคเพีย (Skopje) เป็นเมืองหลวงที่ผสมผสานระหว่างประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมยุคใหม่ได้อย่างลงตัว ฉันมาเยือนที่นี่และประทับใจกับ จัตุรัสมาซิโดเนีย ที่เต็มไปด้วยอนุสาวรีย์ของ อเล็กซานเดอร์มหาราช ขนาดยักษ์ที่ตั้งอยู่กลางจัตุรัส การเดินข้าม สะพานหิน (Stone Bridge) ที่เชื่อมระหว่างเมืองเก่าและใหม่ทำให้ฉันได้สัมผัสบรรยากาศแบบออตโตมันในย่านเมืองเก่า
นอกจากนี้ Kale Fortress ป้อมปราการเก่าแก่ยังเป็นจุดชมวิวที่งดงาม ชมวิวเมืองจากมุมสูงที่มองเห็นทั้งแม่น้ำ Vardar และภูเขาที่ล้อมรอบ ยามเย็น เดินเล่นริมแม่น้ำ แวะดื่มกาแฟในคาเฟ่ที่มีบรรยากาศชิลล์ๆ พร้อมชมพระอาทิตย์ตก บรรยากาศของเมืองที่เต็มไปด้วยศิลปะ สถาปัตยกรรม และวัฒนธรรมทำให้สโคเพียเป็นเมืองที่น่าจดจำ
การเดินทางในสโคเพียนั้นทำให้ได้สัมผัสทั้งความเก่าแก่และความทันสมัยได้ในที่เดียว สโคเพียไม่เพียงแต่มีอนุสรณ์สถานที่ยิ่งใหญ่ แต่ยังมีชีวิตชีวาและเสน่ห์เฉพาะตัวที่ทำให้ประทับใจได้อย่างแน่นอน
รีล่า (Rila) เมืองแห่งขุนเขาและวัดที่งดงามในบัลแกเรีย
เมืองรีล่า (Rila) เป็นที่ตั้งของ วัดรีล่า (Rila Monastery) ซึ่งเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดในบัลแกเรีย การเดินทางมายังรีล่าผ่านเส้นทางที่สวยงามท่ามกลางภูเขาสูงและธรรมชาติอันบริสุทธิ์ เมื่อถึงวัด ความประทับใจแรกคือสถาปัตยกรรมอันงดงามของโบสถ์ที่ล้อมรอบด้วยหุบเขา ภายในวัดเต็มไปด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังที่ละเอียดอ่อน สะท้อนถึงประวัติศาสตร์และศรัทธาที่ลึกซึ้ง ทำให้รู้สึกสงบและผ่อนคลายทันทีที่ได้เข้าไปสัมผัสกับบรรยากาศอันเงียบสงบ
หากใช้เวลาเดินเล่นรอบๆ วัดขอแนะนำให้ขึ้นไปสำรวจ ภูเขารีล่า (Rila Mountains) ซึ่งเป็นที่ตั้งของทะเลสาบเจ็ดแห่ง (Seven Rila Lakes) การเดินป่าท่ามกลางธรรมชาติที่งดงามทำให้ได้เห็นวิวที่สวยงามของทะเลสาบและหุบเขาที่ทอดยาวสุดสายตา ประสบการณ์นี้เป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเดินทาง
รีล่าเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และธรรมชาติอันบริสุทธิ์ ทุกมุมของเมืองและภูเขาที่ล้อมรอบเต็มไปด้วยความเงียบสงบและความงามที่น่าหลงใหล หากคุณชอบความสงบและการผจญภัยในธรรมชาติ เมืองรีล่าคือจุดหมายที่คุณไม่ควรพลาด
โซเฟีย (Sofia) เมืองหลวงแห่งเสน่ห์ของบัลแกเรีย
โซเฟีย (Sofia) เป็นเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของบัลแกเรีย การเดินเล่นบนถนนในเมืองนี้ทำให้รู้สึกตื่นตาตื่นใจกับสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างความโบราณและความทันสมัย จุดแรกที่แนะนำให้แวะชมคือ มหาวิหารอเล็กซานเดอร์ เนฟสกี (Alexander Nevsky Cathedral) ที่ใหญ่และสวยงาม ภายในเต็มไปด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังและไอคอนศักดิ์สิทธิ์ที่น่าประทับใจ
สถานที่ถัดไปคือ ย่าน Vitosha Boulevard ที่เต็มไปด้วยร้านค้าและคาเฟ่ การนั่งจิบกาแฟพร้อมชมวิวของภูเขาวิทอชา (Vitosha Mountain) ที่สูงตระหง่านอยู่ไกลๆ ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย และโซเฟียยังมีพิพิธภัณฑ์และหอศิลป์มากมายที่แสดงถึงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของบัลแกเรีย ทำให้การสำรวจที่นี่เต็มไปด้วยความรู้และความสนุกสนาน
ยามค่ำคืน เมืองนี้คึกคักไปด้วยบาร์และร้านอาหารที่มีอาหารบัลแกเรียดั้งเดิม ได้ลองทาน ชอปสก้า สลัด (Shopska Salad) ซึ่งเป็นอาหารที่สดชื่นและอร่อยมาก โซเฟียเป็นเมืองที่ผสมผสานวัฒนธรรมที่หลากหลายอย่างลงตัว การมาเยือนที่นี่นั้นทำให้ได้สัมผัสถึงความอบอุ่นของชาวท้องถิ่นและความงดงามของประวัติศาสตร์ที่มีชีวิต
พลอฟดิฟ (Plovdiv) เมืองเก่าแก่แห่งศิลปะและประวัติศาสตร์ของบัลแกเรีย
พลอฟดิฟ (Plovdiv) เป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรปที่ยังคงมีชีวิตชีวา การมาเยือนที่นี่ทำให้รู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในยุคโรมัน จุดเริ่มต้นการเดินทางของฉันคือ โรงละครโรมัน (Roman Amphitheatre) ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี ตั้งอยู่บนเนินเขา ทำให้สามารถชมวิวเมืองได้แบบพาโนราม่า
ขอแนะนำสถานที่ ย่านเมืองเก่า (Old Town) ที่เต็มไปด้วยบ้านเรือนสไตล์ยุคเรอเนซองส์และพิพิธภัณฑ์ การเดินเล่นในตรอกซอกซอยที่ปูด้วยหินกรวด ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังสำรวจประวัติศาสตร์ที่มีชีวิต
ในช่วงยามเย็น แนะนำให้แวะที่ Kapana Creative District ซึ่งเป็นย่านที่เต็มไปด้วยศิลปะ ร้านค้าและคาเฟ่ การได้เดินเล่นชมงานศิลป์และนั่งดื่มกาแฟในบรรยากาศชิลล์ๆ ทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายที่น่าหลงใหลและผ่อนคลายสุดๆ
พลอฟดิฟไม่เพียงแค่มีประวัติศาสตร์ที่น่าทึ่ง แต่ยังมีชีวิตชีวาของศิลปะและวัฒนธรรมที่โดดเด่น หากคุณรักความหลากหลายทางวัฒนธรรมและต้องการสัมผัสบรรยากาศของเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน พลอฟดิฟคือเมืองที่คุณไม่ควรพลาด
บูคาเรสต์ (Bucharest) เมืองหลวงที่ผสมผสานประวัติศาสตร์และความทันสมัยของโรมาเนีย
บูคาเรสต์ เมืองหลวงของโรมาเนียที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และการผสมผสานระหว่างอดีตกับปัจจุบัน ครั้งแรกที่ฉันมาเยือน สิ่งที่น่าตื่นเต้นก็คือความยิ่งใหญ่ของ อาคารรัฐสภาโรมาเนีย (Palace of the Parliament) ซึ่งเป็นอาคารที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก สถาปัตยกรรมภายนอกนั้นหรูหราและอลังการมาก
และอยากให้ลองมาเดินเล่นใน ย่าน Lipscani ซึ่งเป็นย่านเมืองเก่าเต็มไปด้วยร้านอาหาร คาเฟ่ และร้านค้าที่มีบรรยากาศยุโรปคลาสสิก ตรอกซอกซอยเล็กๆ ของย่านนี้ทำให้คุณหลงรักความมีเสน่ห์ของบูคาเรสต์ทันที ยามเย็น เมืองนี้เต็มไปด้วยชีวิตชีวา หากได้ลองชิมอาหารท้องถิ่น เช่น Sarmale (กะหล่ำปลีห่อหมู) และ Mămăligă (โจ๊กข้าวโพด) ซึ่งอร่อยและไม่เหมือนที่เคยลองมาก่อน
อีกสถานที่หนึ่งที่น่าประทับใจคือ สวน Cismigiu ซึ่งเป็นสวนสาธารณะที่เก่าแก่ที่สุดของเมือง บรรยากาศที่นี่เงียบสงบ เหมาะสำหรับการเดินเล่นและนั่งพักผ่อนริมทะเลสาบ การได้สูดอากาศสดชื่นท่ามกลางธรรมชาติกลางเมืองทำให้รู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก
บูคาเรสต์จึงถือเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยวัฒนธรรมที่หลากหลาย หากคุณชอบการผสมผสานระหว่างประวัติศาสตร์และความทันสมัย เมืองนี้จะทำให้คุณประทับใจอย่างแน่นอน
เวลีคอเทอร์โนโว (Veliko Tarnovo) เมืองหลวงเก่าแก่แห่งบัลแกเรียที่แฝงด้วยมนต์เสน่ห์ของยุคกลาง
เวลีคอเทอร์โนโว เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ตั้งอยู่บนภูเขาสูงและมีแม่น้ำยันทรา (Yantra River) ไหลผ่าน เริ่มการเดินทางสำรวจที่ ป้อมปราการ Tsarevets ซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางการปกครองของบัลแกเรียในยุคกลาง การเดินขึ้นไปถึงยอดปราสาททำให้ได้สัมผัสกับวิวพาโนรามาของเมืองและแม่น้ำที่งดงาม
นอกจากปราสาทแล้ว ย่าน Samovodska Charshiya ที่เป็นย่านศิลปะและหัตถกรรมก็เป็นจุดหมายที่ชื่นชอบ ได้เห็นงานฝีมือแบบดั้งเดิมและยังได้ลองชิมอาหารบัลแกเรียแท้ๆ ที่ร้านอาหารท้องถิ่น เช่น Banitsa ขนมพายชีสอันหอมกรุ่น
ยามเย็น แนะนำให้เดินเล่นตามถนนแคบๆ ที่ทอดยาวไปตามเนินเขา มองเห็นแสงไฟจากบ้านเรือนและวิวของเมืองที่ปกคลุมด้วยสีทองของแสงอาทิตย์ เมืองนี้ไม่เพียงแต่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและน่าหลงใหล แต่ยังมีบรรยากาศที่อบอุ่นและสงบ หากคุณรักประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมยุคกลาง เวลีคอเทอร์โนโวคือจุดหมายปลายทางที่คุณต้องไม่พลาด
ซินาญ่า (Sinaia) – เมืองแห่งปราสาทและภูเขาที่งดงามในโรมาเนีย
ซินาญ่า (Sinaia) ตั้งอยู่ในเทือกเขาคาร์เพเทียนและเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงด้วยความงดงามของธรรมชาติและสถาปัตยกรรมอันยิ่งใหญ่ เมื่อมาถึงที่นี่ สิ่งแรกที่ไม่ควรพลาดเลยคือการเยี่ยมชม ปราสาทเปเลส (Peles Castle) ที่สวยงามราวกับในนิทาน ตัวปราสาทถูกล้อมรอบด้วยภูเขาและป่าเขียวขจี การเดินชมปราสาททั้งภายในและภายนอกทำให้รู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปสู่ยุคแห่งราชวงศ์
จากนั้นนั่งกระเช้าขึ้นไปยัง ภูเขาบูเชจ (Bucegi Mountains) เพื่อสัมผัสทิวทัศน์อันน่าทึ่งและอากาศบริสุทธิ์ ความรู้สึกที่ได้เดินป่าบนเส้นทางธรรมชาติที่สวยงามท่ามกลางภูเขาทำให้ใจได้ผ่อนคลายสุดๆ
เมืองซินาญ่าเต็มไปด้วยเสน่ห์ ทั้งความสงบและธรรมชาติที่สมบูรณ์แบบ เหมาะสำหรับการพักผ่อนและผจญภัยในหนึ่งเดียว หากคุณชอบทั้งประวัติศาสตร์และธรรมชาติ ที่นี่คือจุดหมายที่ไม่ควรพลาด
บราน (Bran) เมืองแห่งปราสาทและตำนานแดร็กคูล่าในโรมาเนีย
เมื่อพูดถึงเมืองบราน สิ่งแรกที่หลายๆ คนมักจะนึกถึงคือ ปราสาทบราน (Bran Castle) ซึ่งเชื่อว่าเป็นแรงบันดาลใจให้กับตำนานแดร็กคูล่า ได้เข้าเยี่ยมชมปราสาทแห่งนี้ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาสูงชัน บรรยากาศรอบปราสาทนั้นเต็มไปด้วยความลึกลับและเสน่ห์ของยุคกลาง ภายในปราสาทมีห้องหลายห้องที่เต็มไปด้วยวัตถุโบราณและเรื่องราวของประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ การเดินเล่นชมวิวจากปราสาททำให้หลงรักทิวทัศน์ของธรรมชาติรอบๆ อย่างเต็มที่
นอกจากปราสาทแล้ว บรานยังเป็นจุดหมายสำหรับคนที่รักการเดินป่า การเดินเทรลในภูเขารอบเมืองเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ เส้นทางที่ล้อมรอบด้วยป่าไม้และวิวภูเขาที่งดงามทำให้รู้สึกผ่อนคลายและเติมพลัง
บรานเป็นเมืองเล็กๆ ที่ผสมผสานทั้งประวัติศาสตร์และธรรมชาติได้อย่างลงตัว หากคุณหลงใหลในเรื่องราวของปราสาทและการผจญภัยในธรรมชาติ เมืองบรานคือจุดหมายที่ไม่ควรพลาด
ซิบิว (Sibiu) เมืองเสน่ห์แห่งทรานซิลเวเนียที่ผสมผสานระหว่างความเก่าแก่และทันสมัย
ซิบิว (Sibiu) เป็นเมืองที่งดงามในแคว้นทรานซิลเวเนียของโรมาเนีย เมื่อเดินเข้าสู่เมืองเก่า คุณจะหลงใหลไปกับสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิกและเรอเนซองส์ที่ยังคงรักษาความดั้งเดิม เริ่มต้นทริปด้วยการเยี่ยมชม จัตุรัสใหญ่ (Piata Mare) ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศที่คึกคักและเป็นหัวใจสำคัญของเมือง
การเดินเล่นในตรอกซอกซอยของซิบิวทำให้ได้สัมผัสกับวิถีชีวิตที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น เมืองนี้เป็นแหล่งรวมงานศิลปะและวัฒนธรรม มีแกลเลอรีและพิพิธภัณฑ์หลายแห่ง นอกจากนี้ สะพานโกหก (Bridge of Lies) ที่มีตำนานเล่าขานก็เป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่ทำให้การเดินเล่นสนุกสนานมากยิ่งขึ้น
และห้ามพลาดการได้ลิ้มลองอาหารท้องถิ่นที่ร้านอาหารในเมือง เมนูอย่าง ชอปสก้า สลัด (Shopska Salad) และ Ciorbă de burtă ซุปเครื่องใน ที่เต็มไปด้วยรสชาติอันเข้มข้นทำให้การเดินทางครั้งนี้สมบูรณ์แบบ
เมืองซิบิวเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ของประวัติศาสตร์และความทันสมัย หากคุณรักการเดินเล่นชมเมืองเก่าที่แฝงด้วยวัฒนธรรม ซิบิวคือจุดหมายที่คุณไม่ควรพลาด
ทิมิโชวอาร่า (Timisoara) เมืองแห่งแสงสีและประวัติศาสตร์ของโรมาเนีย
ทิมิโชวอาร่า (Timisoara) เมืองสำคัญทางตะวันตกของโรมาเนียที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และความงดงามของสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรป การได้เริ่มการเดินทางสำรวจที่ จัตุรัสชัยชนะ (Victory Square) ที่เต็มไปด้วยอาคารสไตล์อาร์ตนูโวและโกธิก อาคารที่โดดเด่นคือ มหาวิหารทิมิโชวอาร่า ซึ่งตั้งอยู่ในจัตุรัสใจกลางเมือง
การเดินเล่นริมแม่น้ำ Bega ที่เงียบสงบถือเป็นอีกสถานที่ที่ไม่ควรพลาด การนั่งจิบกาแฟริมทางเดินพร้อมชมบรรยากาศอันเงียบสงบของเมืองทำให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างมาก ทิมิโชวอาร่าไม่ได้มีเพียงแค่สถาปัตยกรรมที่สวยงาม แต่ยังเป็นศูนย์กลางแห่งศิลปะและวัฒนธรรมในโรมาเนีย เมืองนี้เป็นที่รู้จักในฐานะ “เมืองแห่งการปฏิวัติ” เนื่องจากเป็นสถานที่เริ่มต้นการปฏิวัติต่อต้านระบอบคอมมิวนิสต์ในปี 1989
นอกจากนี้ เมืองยังมีเทศกาลศิลปะและดนตรีตลอดทั้งปีอีกด้วย ทำให้มีโอกาสร่วมงานเทศกาลกลางแจ้งซึ่งมีการแสดงดนตรีและกิจกรรมต่างๆ ที่สนุกสนาน ทิมิโชวอาร่าคือเมืองที่ผสมผสานประวัติศาสตร์และความทันสมัยได้อย่างลงตัว ทำให้หลายๆ คนหลงรักเมืองนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่มาเยือนนั่นเอง
โทโพลา (Topola) เมืองแห่งประวัติศาสตร์และวิวทิวทัศน์ในเซอร์เบีย
โทโพลา (Topola) เมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาของเซอร์เบีย เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และเสน่ห์เฉพาะตัว ฉันเริ่มการสำรวจที่ โบสถ์เซนต์จอร์จ (St. George’s Church) บนยอดเขา Oplenac ซึ่งเป็นสถานที่ฝังพระศพของกษัตริย์เซอร์เบีย ภายในโบสถ์มีภาพโมเสกที่สวยงามและเปล่งประกาย
นอกจากประวัติศาสตร์แล้ว โทโพลายังมีธรรมชาติที่งดงามและอากาศบริสุทธิ์ การเดินทางขึ้นเขาทำให้ได้สัมผัสวิวแบบพาโนรามาที่มองเห็นทุ่งนาสีเขียวและเนินเขาที่ทอดยาว เมืองนี้เงียบสงบและเป็นที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการพักผ่อนในธรรมชาติ พร้อมทั้งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ของเซอร์เบีย
โมครา โกรา (Mokra Gora) – หมู่บ้านแสนสงบในขุนเขาของเซอร์เบีย
โมครา โกรา (Mokra Gora) เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของธรรมชาติ ตั้งอยู่ในหุบเขาระหว่างภูเขา Tara และ Zlatibor เมื่อมาถึงที่นี่ สิ่งแรกที่นักท่องเที่ยวหลายๆ คนประทับใจคือ ทางรถไฟ Sargan Eight ซึ่งเป็นเส้นทางรถไฟโบราณที่คดเคี้ยวไปตามภูเขา การนั่งรถไฟชมวิวทิวทัศน์ที่ล้อมรอบด้วยป่าและทุ่งหญ้าเขียวขจีทำให้รู้สึกเหมือนหลุดเข้าสู่โลกแห่งเทพนิยาย
อีกหนึ่งไฮไลต์คือการเยี่ยมชม Drvengrad หรือ “เมืองไม้” ที่สร้างขึ้นโดยผู้กำกับชื่อดัง Emir Kusturica ทุกบ้านเรือนในหมู่บ้านนี้สร้างด้วยไม้ทั้งหมด บรรยากาศเงียบสงบและเป็นธรรมชาติ
โมครา โกราเป็นเมืองที่เหมาะสำหรับคนที่รักการพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติและชื่นชอบวัฒนธรรมพื้นบ้าน การได้มาเยือนที่นี่ทำให้ได้สัมผัสถึงความงดงามและความอบอุ่นของวิถีชีวิตที่เรียบง่าย
หมู่บ้านดระเวนกราด (Drvengrad Village) หมู่บ้านไม้ที่มีเสน่ห์แห่งเซอร์เบีย
หมู่บ้านดระเวนกราด หรือ “เมืองไม้” ตั้งอยู่ในหุบเขา Mokra Gora ของเซอร์เบีย ถูกสร้างขึ้นโดย Emir Kusturica ผู้กำกับชื่อดังเมื่อครั้งถ่ายทำภาพยนตร์ เรื่องแรกที่ทำให้นักท่องเที่ยวประทับใจคือบ้านเรือนและอาคารทั้งหมดทำจากไม้ สร้างให้มีลักษณะเหมือนหมู่บ้านโบราณ เดินเข้าไปในหมู่บ้านเหมือนก้าวเข้าสู่ยุคอดีต มีร้านค้าเล็กๆ คาเฟ่ และโบสถ์ไม้เล็กๆ ที่เงียบสงบ ยังได้ลองชิมอาหารพื้นบ้านในร้านอาหารเล็กๆ ที่อบอุ่น บรรยากาศของหมู่บ้านทำให้รู้สึกผ่อนคลายมาก
ไฮไลต์ของการมาเยือนดระเวนกราดคือการได้ชมทิวทัศน์ที่งดงามของภูเขา Zlatibor ที่ล้อมรอบหมู่บ้าน การเดินเล่นในบรรยากาศเย็นสบาย และการพูดคุยกับคนท้องถิ่นที่มีอัธยาศัยดี ทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดหากมาเยือนเซอร์เบีย
ซะลาติบอร์ (Zlatibor) เมืองแห่งธรรมชาติและการพักผ่อนในเซอร์เบีย
ซะลาติบอร์ (Zlatibor) เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของธรรมชาติ ตั้งอยู่ในเทือกเขาที่ล้อมรอบด้วยป่าสนและทุ่งหญ้าสีเขียว มาเยือนที่นี่ในช่วงฤดูร้อน และรู้สึกประทับใจกับอากาศที่บริสุทธิ์และวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม จุดเริ่มต้นของการเดินทางคือการเดินเล่นใน ทะเลสาบ Zlatibor ที่มีน้ำใสสะอาดและเงียบสงบ เหมาะสำหรับการพักผ่อนและเพลิดเพลินกับธรรมชาติ
นอกจากนี้การได้ลองเดินขึ้นไปบนยอด ภูเขา Tornik ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สวยงาม มองเห็นเทือกเขาและป่าไม้ที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา การไต่เขานั้นสนุกและผ่อนคลายมาก พร้อมกับได้สูดอากาศบริสุทธิ์ที่หาไม่ได้จากเมืองใหญ่
หนึ่งในประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาดคือการได้ลองอาหารท้องถิ่น เช่น Kajmak (คายมัค) และ Pršuta (พรชูตา) ซึ่งเป็นเนื้อหมูแห้งที่รสชาติเข้มข้น การนั่งรับประทานอาหารท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติทำให้ทุกอย่างอร่อยขึ้นไปอีก
สำหรับผู้ที่รักธรรมชาติและต้องการหาสถานที่เงียบสงบเพื่อพักผ่อน ซะลาติบอร์คือจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาด
โนวิซาด (Novi Sad) เมืองแห่งศิลปะและวัฒนธรรมริมแม่น้ำดานูบ
โนวิซาด (Novi Sad) เป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยวัฒนธรรม ตั้งอยู่ริมแม่น้ำดานูบในเซอร์เบีย ฉันได้มีโอกาสมาเยือนในช่วงฤดูร้อน และสิ่งแรกที่ประทับใจคือ ป้อมปราการ Petrovaradin ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา มองเห็นวิวของเมืองและแม่น้ำได้อย่างชัดเจน การเดินเล่นบนกำแพงป้อมปราการและชมวิวที่สวยงามทำให้รู้สึกเหมือนย้อนเวลากลับไปในยุคโบราณ
เมืองนี้ยังมีชื่อเสียงด้านเทศกาลดนตรีและศิลปะ โดยเฉพาะ EXIT Festival ซึ่งเป็นงานดนตรีระดับโลกที่จัดขึ้นทุกปี บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยเสียงเพลงและความสนุกสนานที่ทำให้โนวิซาดกลายเป็นเมืองที่คึกคักมากที่สุดในช่วงฤดูร้อน
การเดินเล่นในย่านเมืองเก่าของโนวิซาดเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่น่าจดจำ ถนนที่ปูด้วยหินกรวดเรียงรายไปด้วยอาคารสไตล์บาโรกที่สวยงามและคาเฟ่สุดเก๋ นอกจากนี้อยากให้ลองชิมอาหารท้องถิ่นในร้านอาหารเล็กๆ ที่อบอุ่น รสชาติของ Ćevapi เนื้อย่างแสนอร่อยกับขนมปังนุ่มๆ ทำให้มื้ออาหารครั้งนี้เป็นที่จดจำ
โนวิซาดเป็นเมืองที่ผสมผสานระหว่างประวัติศาสตร์และความทันสมัยได้อย่างลงตัว ความงดงามของสถาปัตยกรรมและบรรยากาศศิลปะทำให้เมืองนี้มีเสน่ห์อย่างไม่เหมือนใคร และการมาเยือนที่นี่เป็นการเดินทางที่เต็มไปด้วยความประทับใจและความทรงจำที่ยอดเยี่ยม
สรุป
แต่ละสถานที่ในคาบสมุทรบอลข่าน ยังมีอีกหลายสถานที่ ที่สามารถสร้างความเพลิดเพลินให้กับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบทะเล และยังรวมไปถึงประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และความทันสมัย นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับคนที่รักการผจญภัย ที่ต้องการไปเจอสิ่งแปลกใหม่อีกด้วยนั่นเอง
สนใจเลือกเที่ยวบอลข่านไปกับ GoTogetherTravel ผู้นำด้านการท่องเที่ยว
ช่องทางติดต่อได้ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 9.00 -17.00 น.
Line: @GoTogetherTravel
โทร: 02-214-6088 , 081-405-9726