สวัสดีค่ะทุกท่าน พอเข้าช่วงเดือน พ.ย. – ก.พ. ของทุกปี ประเทศไทยเข้าสู่ช่วงหน้าหนาววววว หลายคนคงรู้สึกตื่นเต้น ถึงแม้จะหนาวแค่วันสองวันก็เถอะ 5555 ด้วยอากาศที่เย็นสบายทำให้ฤดูหนาวกลายเป็นฤดูที่ชื่นชอบของใครหลายๆคน ดิฉันก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ วันนี้ gotogethertravel ได้นำ 5 เมืองที่หนาวติดอันดับของเมืองที่หนาวที่สุดในโลกมาเอาใจคนรักหน้าหนาวกันค่ะ ซึ่งในปี 2024 ที่ผ่านมานั้นจะหนาวขนาดไหนตามไปดูพร้อมๆกันเลยค่าาาาา
1.อูลานบาตาร์ (Ulaanbaatar)
มาเริ่มที่เมืองแรกคงจะหนีไม่พ้น อูลานบาตาร์ (Ulaanbaatar) เมืองหลวงของมองโกเลีย เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของวัฒนธรรมเร่ร่อนผสมผสานกับการพัฒนาในยุคสมัยใหม่ เมื่อเดินทางมาถึงที่นี่ในฤดูหนาว อากาศเย็นยะเยือกที่อุณหภูมิ -30°C ต้อนรับอย่างท้าทาย แต่สิ่งที่ใครต่างก็ได้พบกลับเต็มไปด้วยความอบอุ่นจากผู้คนและประสบการณ์ที่น่าจดจำ ไม่ว่าจะเป็น
การสำรวจเมืองในอากาศหนาวสุดขั้ว
การเริ่มต้นการเดินทางด้วยการเยี่ยมชม จัตุรัสซัคบาตาร์ (Sukhbaatar Square) ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของเมือง ที่นี่มีอนุสาวรีย์ซัคบาตาร์ วีรบุรุษแห่งการประกาศอิสรภาพของมองโกเลีย ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางลานกว้างที่ปกคลุมด้วยหิมะ การเดินชม พระราชวังรัฐบาล ที่งดงาม และมองเห็นรูปปั้นเจงกิสข่านยืนตระหง่านเป็นสัญลักษณ์ของประวัติศาสตร์และความภาคภูมิใจของชาวมองโกเลีย
พิพิธภัณฑ์แห่งชาติและศิลปะเร่ร่อน
หนึ่งในสถานที่ที่น่าประทับใจคือ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติมองโกเลีย (National Museum of Mongolia) ที่บอกเล่าเรื่องราวของวัฒนธรรมเร่ร่อนผ่านชุดแต่งกายดั้งเดิม อุปกรณ์ชีวิตในทุ่งหญ้า และประวัติศาสตร์การสร้างชาติของเจงกิสข่าน การเดินชมพิพิธภัณฑ์ทำให้เข้าใจวิถีชีวิตและจิตวิญญาณของชาวมองโกเลียที่ผูกพันกับธรรมชาติ
การเดินทางสู่ทุ่งหญ้าและประสบการณ์วิถีชีวิตเร่ร่อน
จากตัวเมือง การได้ออกเดินทางสู่ อุทยานแห่งชาติเกอรร์ (Gorkhi-Terelj National Park) ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากอูลานบาตาร์ ทุ่งหญ้าที่ปกคลุมด้วยหิมะขาวและภูเขาสูงทำให้ทิวทัศน์ดูเหมือนภาพวาด ในอุทยานนี้ หากมีโอกาสเข้าพักใน เกอร์ (Ger) หรือกระโจมของชนเผ่าเร่ร่อน ประสบการณ์การนั่งรอบกองไฟในเกอร์พร้อมจิบชานมมองโกเลียร้อนๆ (Suutei Tsai) เพื่อคลายหนาว เป็นช่วงเวลาที่ทำให้รู้สึกถึงความอบอุ่นและการต้อนรับที่แสนจริงใจของชาวมองโกเลีย
อาหารท้องถิ่นและวัฒนธรรมการกิน
แนะนำให้ลิ้มลองรสอาหารท้องถิ่น เช่น Buuz (เกี๊ยวนึ่งไส้เนื้อแกะ) และ Khorkhog (เนื้อแกะอบหินร้อน) ซึ่งเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูงและเหมาะกับการใช้ชีวิตในอากาศหนาว เมนูเหล่านี้ไม่เพียงแต่อร่อย แต่ยังสะท้อนถึงวัฒนธรรมการกินที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความเอื้อเฟื้อ
ชีวิตในอูลานบาตาร์ การผสมผสานระหว่างเก่าและใหม่
แม้ว่าอูลานบาตาร์จะเป็นเมืองหลวงที่หนาวที่สุดในโลก แต่บรรยากาศของเมืองกลับเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา อาคารทันสมัยตั้งอยู่เคียงข้างกับวัดโบราณ เช่น วัดกานดาน (Gandantegchinlen Monastery) ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางศาสนาของชาวพุทธมองโกเลีย
ความประทับใจจากอูลานบาตาร์
อูลานบาตาร์ไม่ใช่เพียงแค่เมืองที่หนาวเย็นที่สุดในโลก แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางที่เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ของธรรมชาติและวัฒนธรรมเร่ร่อนที่ไม่เหมือนใคร การได้สัมผัสกับวิถีชีวิตในเกอร์และชมทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ในฤดูหนาว เป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืม ถ้าคุณชื่นชอบการผจญภัยและต้องการสัมผัสกับความงดงามของธรรมชาติที่ยังคงความดั้งเดิม อูลานบาตาร์คือจุดหมายที่คุณต้องไปเยือนสักครั้งในชีวิต
2.เยลโลไนฟ์ (Yellowknife)
ต่อมาเป็น เยลโลไนฟ์ (Yellowknife) เมืองหลวงของเขตนอร์ทเวสต์เทร์ริทอรีส์ (Northwest Territories) ในแคนาดา เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดในโลกสำหรับการชม แสงเหนือ (Aurora Borealis) เมื่อได้มาเยือนที่นี่ในช่วงฤดูหนาว การผจญภัยในเมืองที่อุณหภูมิต่ำถึง -30°C กลายเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำที่สุดในชีวิต
การเดินทางสู่ดินแดนแห่งขอบฟ้า
การเดินทางไปยังเยลโลไนฟ์เริ่มต้นจากการบินข้ามภูมิภาคที่เต็มไปด้วยทะเลสาบที่แข็งตัวและป่าสนสีขาวโพลน เมื่อมาถึง สนามบินเล็กๆ ที่อบอุ่นต้อนรับด้วยรอยยิ้มของผู้คนท้องถิ่น และความรู้สึกหนาวเย็นที่แผ่ซ่านเข้ามาทันทีที่ก้าวออกจากอาคาร การเตรียมตัวด้วยเสื้อผ้าหนาๆ และรองเท้าบูทสำหรับเดินบนหิมะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเอาตัวรอดในเมืองแห่งนี้
เมืองเล็กๆ แต่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา
เยลโลไนฟ์เป็นเมืองเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ อาคารหลากสีสันในย่านเมืองเก่าตั้งอยู่ริมทะเลสาบ Great Slave ซึ่งในฤดูหนาวจะกลายเป็นแผ่นน้ำแข็งหนาขนาดใหญ่ เดินเล่นบนทะเลสาบที่แข็งตัวจนสามารถเดินข้ามได้ รู้สึกเหมือนเดินอยู่บนโลกแห่งจินตนาการ ในเมืองยังมีร้านอาหารท้องถิ่นและร้านกาแฟที่อบอุ่น และการได้ลองชิม Arctic Char ปลาน้ำเย็นรสชาติอร่อย และซุปเนื้อกวางเรนเดียร์ที่ช่วยคลายหนาวได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ
ชมแสงเหนือ: ไฮไลต์ของการเดินทาง
จุดเด่นของการมาเยลโลไนฟ์คือการชมแสงเหนือ ลองจองทริปกับไกด์ท้องถิ่นดู ไกด์จะพาเราออกไปยังพื้นที่ห่างไกลจากแสงเมือง เพื่อให้มองเห็นแสงเหนือได้ชัดเจนที่สุด ในคืนที่ฟ้าใส แสงเหนือที่พาดผ่านท้องฟ้าในเฉดสีเขียว ม่วง และชมพู เต้นรำอย่างสง่างาม เป็นภาพที่ทำให้รู้สึกเหมือนหลุดเข้าสู่โลกแห่งเทพนิยายเลยแหละ การนั่งรอแสงเหนือในกระโจมหรือกระท่อมที่มีเตาผิงอุ่นๆ พร้อมกับจิบโกโก้ร้อน เป็นช่วงเวลาที่ทั้งผ่อนคลายและตื่นเต้นไปพร้อมกัน
กิจกรรมฤดูหนาวสุดสนุก
นอกจากชมแสงเหนือแล้ว เยลโลไนฟ์ยังมีกิจกรรมฤดูหนาวที่น่าตื่นเต้น เช่น การลองนั่งเลื่อนสุนัข (Dog Sledding) ที่ได้รู้สึกสนุกมากกับการถูกสุนัขลากเลื่อนผ่านทุ่งหิมะกว้างใหญ่ เสียงหิมะกรอบๆ ใต้ล้อเลื่อนและความกระตือรือร้นของสุนัขทำให้ประสบการณ์นี้น่าจดจำ นอกจากนี้การได้ลองตกปลาในน้ำแข็ง (Ice Fishing) ที่ทะเลสาบ Great Slave ไกด์เจาะรูน้ำแข็งแล้วแนะนำวิธีตกปลา มันทั้งหนาวและสนุก และที่สำคัญคุณสามารถจับปลาได้ด้วยตัวเองอีกด้วย
ความประทับใจที่เยลโลไนฟ์
เยลโลไนฟ์ไม่ใช่แค่เมืองแห่งความหนาวเย็น แต่เป็นเมืองแห่งการผจญภัยและความงดงามของธรรมชาติที่ไม่เหมือนใคร ทุกอย่างตั้งแต่แสงเหนือที่ตระการตา กิจกรรมฤดูหนาวที่สนุกสนาน ไปจนถึงวิถีชีวิตที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยพลังงานของผู้คนท้องถิ่น ทำให้การเดินทางครั้งนี้เป็นประสบการณ์ที่จะไม่มีวันลืมหากคุณกำลังมองหาสถานที่ที่จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้หลุดออกจากโลกเดิม เยลโลไนฟ์คือคำตอบที่สมบูรณ์แบบ
3.โนริลสค์ (Norilsk)
โนริลสค์ (Norilsk) เป็นหนึ่งในเมืองที่หนาวเย็นที่สุดในโลก ตั้งอยู่ในเขตไซบีเรียของรัสเซีย และยังเป็นเมืองอุตสาหกรรมที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ การเดินทางมายังเมืองนี้เป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เมื่อมาถึงเมืองที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็งและหิมะ รู้สึกเหมือนได้ก้าวเข้าสู่โลกใหม่ที่เงียบสงบและขาวโพลน
โนริลสค์เป็นเมืองที่ไม่มีถนนเชื่อมต่อกับโลกภายนอก คุณต้องเดินทางโดยเครื่องบินหรือเรือในช่วงฤดูร้อนเท่านั้น เมื่อมาถึงคุณจะต้องประทับใจกับวิวภูมิประเทศที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งตลอดทั้งปี อุณหภูมิในฤดูหนาวลดลงได้ถึง -30°C ถึง -50°C และยังมีลมหนาวที่พัดแรงจนต้องใส่เสื้อผ้าหลายชั้นเพื่อปกป้องตัวเอง
วิถีชีวิตในเมืองน้ำแข็ง
สิ่งที่ทำให้โนริลสค์น่าประทับใจคือการปรับตัวของผู้คนที่อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่โหดร้าย เมืองนี้เป็นศูนย์กลางการทำเหมืองแร่นิกเกิลและทองแดง ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของผู้คน ได้พบกับชาวบ้านที่บอกเล่าเรื่องราวการใช้ชีวิตในอุณหภูมิที่หนาวจัด พวกเขามักสวมชุดขนสัตว์หนาและดื่มชาอุ่นๆ เพื่อรักษาความอบอุ่น การได้เดินสำรวจเมือง ได้พบกับอาคารที่ถูกออกแบบให้รับมือกับความหนาวเย็นอย่างดี มีสีสันสดใสเพื่อเพิ่มความมีชีวิตชีวาในฤดูหนาวที่ยาวนานและมืดมิด เมืองนี้ยังมีระบบทางเดินใต้ดินที่ช่วยให้ผู้คนเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ได้โดยไม่ต้องออกไปเผชิญกับลมหนาว
การสำรวจธรรมชาติและความหนาวเย็น
หนึ่งในไฮไลต์ของการเยือนโนริลสค์คือการได้เห็น Aurora Borealis หรือแสงเหนือที่สวยงามจนแทบลืมหายใจ ได้ออกไปยังพื้นที่รอบนอกของเมืองในคืนที่ท้องฟ้าโปร่ง และได้เห็นแสงสีเขียวและม่วงที่เต้นรำอยู่บนฟากฟ้า ความงดงามของแสงเหนือนั้นเป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่าและน่าจดจำที่สุด และแน่นอนเลยอีกสถานที่หนึ่งที่น่าสนใจคือ Talnakh Ridge ซึ่งเป็นพื้นที่ธรรมชาติที่ปกคลุมด้วยหิมะตลอดทั้งปี การได้สัมผัสกับภูเขาและหิมะที่ไม่มีที่สิ้นสุดทำให้รู้สึกถึงพลังของธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่
ความประทับใจจากการมาเยือนโนริลสค์
โนริลสค์เป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์และเต็มไปด้วยความขัดแย้งระหว่างความหนาวเย็นสุดขั้วและความอบอุ่นของผู้คน แม้จะเป็นเมืองอุตสาหกรรม แต่ก็ยังคงมีเสน่ห์ของธรรมชาติและวัฒนธรรมที่ไม่เหมือนใคร การเดินทางครั้งนี้จะทำให้คุณได้เรียนรู้ถึงความแข็งแกร่งและความสามารถในการปรับตัวของมนุษย์ หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบการผจญภัยและต้องการสัมผัสประสบการณ์ในหนึ่งในเมืองที่หนาวเย็นที่สุดในโลก โนริลสค์คือตัวเลือกที่น่าสนใจและควรค่าแก่การมาเยือน
4.ยาคุตสค์ (Yakutsk)
ยาคุตสค์ (Yakutsk) เมืองหลวงของสาธารณรัฐซาฮา (Yakutia) ในรัสเซีย ถูกขนานนามว่าเป็นเมืองหลวงที่หนาวเย็นที่สุดในโลก อุณหภูมิในฤดูหนาวสามารถลดต่ำลงถึง -40°C หรือบางครั้งถึง -50°C หากได้มีโอกาสเดินทางมายังเมืองแห่งนี้ และประสบการณ์ที่ได้พบเจอนั้นทั้งน่าทึ่งและท้าทายเกินคำบรรยายเลยแหละสำหรับคนชอบหนาวๆ
และแน่นอนว่าการเดินทางไปยังยาคุตสค์นั้นไม่ง่ายเลย เพราะที่นี่ไม่มีทางรถไฟที่เชื่อมต่อ ต้องบินจากมอสโกหรือเมืองใหญ่ในรัสเซีย เมื่อมาถึงสนามบินจะต้องเผชิญกับอากาศที่เย็นจัดจนสัมผัสได้ทันทีแม้จะอยู่ในอาคาร สิ่งแรกที่ต้องทำคือเตรียมตัวด้วยเสื้อผ้าหลายชั้น หมวกหนา และถุงมือขนสัตว์เพื่อเอาชีวิตรอดในสภาพอากาศสุดขั้ว
สำรวจเมืองหลวงแห่งไซบีเรีย
ยาคุตสค์เป็นเมืองที่มีชีวิตชีวา แม้จะเผชิญกับความหนาวเย็นตลอดฤดูหนาว ที่นี่เต็มไปด้วยตลาดท้องถิ่น ร้านอาหาร และพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจ เริ่มต้นการสำรวจด้วยการเดินทางไป ตลาดปลาแช่แข็ง (Frozen Fish Market) ซึ่งปลาทุกตัวถูกแช่แข็งตามธรรมชาติในอุณหภูมิที่ต่ำจนปลายังคงรูปร่างสมบูรณ์ การเดินในตลาดนี้เหมือนเดินอยู่ในตู้แช่ขนาดยักษ์ และกลิ่นหอมของปลาแซลมอนสดก็ทำให้ท้องร้องจนต้องลองชิม
พิพิธภัณฑ์น้ำแข็ง (Kingdom of Permafrost)
หนึ่งในจุดเด่นของยาคุตสค์คือ พิพิธภัณฑ์น้ำแข็ง (Kingdom of Permafrost) ที่ตั้งอยู่ในถ้ำใต้ดิน พิพิธภัณฑ์นี้เต็มไปด้วยประติมากรรมน้ำแข็งที่สวยงาม เช่น รูปแกะสลักม้าป่าและวัตถุทางประวัติศาสตร์ที่ถูกแช่แข็งไว้ตลอดเวลา ทำให้รู้สึกเหมือนเดินอยู่ในโลกแห่งเทพนิยายที่เย็นยะเยือก แต่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความสวยงาม
วิถีชีวิตของคนในยาคุตสค์
สิ่งที่น่าประทับใจมากที่สุดคือความสามารถของชาวเมืองที่ปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศที่หนาวเย็นได้อย่างน่าทึ่ง พวกเขาใส่เสื้อขนสัตว์แบบดั้งเดิมและกินอาหารที่ให้พลังงานสูง เช่น เนื้อกวางเรนเดียร์และปลาแช่แข็ง และแนะนำให้ได้ลองกิน Stroganina ซึ่งเป็นปลาดิบแช่แข็งที่หั่นเป็นชิ้นบางๆ เสิร์ฟพร้อมเกลือและพริกไทย รสชาติหวานและสดชื่นของปลาทำให้คุณประทับใจได้อย่างแน่นอน
เผชิญความหนาวเย็นสุดขั้ว
การเดินเล่นในเมืองในอุณหภูมิ -45°C เป็นประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืม ลมหายใจที่ออกมาเป็นไอทันทีจนกระทั่งกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็ง แต่การได้ชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่ทอดผ่านแม่น้ำลีนา (Lena River) ซึ่งถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งหนานั้นช่างงดงามและสงบจนทำให้ลืมความหนาวไปชั่วขณะ
ความประทับใจที่ไม่รู้ลืม
ยาคุตสค์ไม่ได้เป็นแค่เมืองหนาวที่รุนแรงที่สุดในโลก แต่ยังเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมที่โดดเด่น ความสามารถของผู้คนที่นี่ในการปรับตัวและใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบากเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมที่สุด ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบความท้าทายและอยากสัมผัสประสบการณ์ในเมืองที่หนาวที่สุดในโลก ยาคุตสค์คือจุดหมายที่คุณไม่ควรพลาด
5.โอมยาคอน (Oymyakon)
โอมยาคอน (Oymyakon) เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคไซบีเรียของรัสเซีย และได้รับการขนานนามว่าเป็น “เมืองที่หนาวที่สุดในโลก” ด้วยอุณหภูมิที่ลดต่ำถึง -67.7°C ซึ่งบันทึกไว้ในปี 1933 ที่นี่เป็นสถานที่ที่ไม่เหมือนใครและเป็นจุดหมายที่น่าทึ่งสำหรับนักเดินทางที่กล้าหาญ หากคุณได้มีโอกาสได้ไปสัมผัสกับหมู่บ้านแห่งนี้ในฤดูหนาว และประสบการณ์นั้นเป็นสิ่งที่ดีที่หนึ่งเลยแหละ
การเดินทางสู่ความหนาวเย็นสุดขั้ว
การเดินทางไปโอมยาคอนไม่ง่ายเลย เพราะต้องผ่านเส้นทางที่เรียกว่า “ถนนกระดูก” (Road of Bones) ซึ่งเป็นถนนยาวที่ล้อมรอบด้วยทุ่งน้ำแข็งและภูเขา ระหว่างการเดินทาง ได้พบกับวิวที่งดงาม แต่ก็เต็มไปด้วยความท้าทาย รถของเราเคยหยุดทำงานกลางทางเพราะความหนาวเย็นจนเครื่องยนต์หยุดชะงัก เราต้องรอในรถเพื่อให้เครื่องยนต์กลับมาทำงานอีกครั้ง ซึ่งเป็นบทเรียนเรื่องการเตรียมพร้อมสำหรับสภาพอากาศสุดขั้ว
วิถีชีวิตของชาวโอมยาคอน
เมื่อมาถึงหมู่บ้านผู้คนที่นี่มีวิถีชีวิตที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยการปรับตัว พวกเขาสวมเสื้อผ้าที่หนาแน่นหลายชั้น และต้องเก็บอาหารไว้ใต้ดินเพื่อไม่ให้แข็งตัว ชาวบ้านนิยมกินอาหารที่ให้พลังงานสูง เช่น เนื้อกวางเรนเดียร์ ปลาแช่แข็ง และน้ำซุปอุ่นๆ ลองชิม “สโตรกาโนฟปลาแช่แข็ง” ซึ่งเป็นปลาที่หั่นเป็นชิ้นบางๆ และกินกับซอสมัสตาร์ด มันเป็นอาหารที่อร่อยและช่วยให้ร่างกายอบอุ่นอย่างมาก
ไฮไลต์ การสัมผัสความหนาวสุดขั้ว
สิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดคือการได้สัมผัสกับความหนาวเย็นที่รุนแรง การเดินออกไปนอกบ้านโดยที่อุณหภูมิอยู่ที่ -50°C เป็นสิ่งที่ท้าทาย ทำให้ต้องใส่เสื้อผ้าหลายชั้นจนแทบจะขยับตัวไม่ได้ และรู้สึกว่าลมหายใจของตัวเองกลายเป็นน้ำแข็งเมื่อออกจากปาก ความเงียบสงบและธรรมชาติที่ขาวโพลนรอบตัวทำให้คุณอาจจะรู้สึกเหมือนได้หลุดเข้าไปในอีกโลกหนึ่งได้เลยแหละ
ความประทับใจที่ไม่มีวันลืม
โอมยาคอนถือเป็นอีกสถานที่ที่ท้าทายที่สุดที่คนที่ชอบความหนาวจะต้องไปเยือนให้ได้เลยแหละ และยังเป็นสถานที่ที่น่าประทับใจที่สุดเช่นกัน วิถีชีวิตของผู้คน ความงดงามของธรรมชาติ และความรู้สึกที่ได้เผชิญกับความหนาวเย็นสุดขั้วเป็นประสบการณ์ที่ทำให้หลายๆ คนเปลี่ยนมุมมองไปตลอดกาล ถ้าคุณชอบความท้าทายและต้องการสัมผัสความหนาวเย็นที่สุดในโลก โอมยาคอนคือสถานที่ที่คุณต้องไปเยือนสักครั้งในชีวิต