“10 ข้อ” ควรรู้ก่อนเดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศจอร์เจีย

21

สวัสดีค่ะทุกท่าน วันนี้เราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับประเทศที่อาจยังไม่เป็นจุดหมายปลายทางหลักของนักท่องเที่ยวไทยหลายคน แต่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในหมู่นักท่องเที่ยวที่ชอบธรรมชาติ วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ ประเทศนี้คือ จอร์เจีย — ดินแดนที่ได้ชื่อว่าเป็น “ประเทศสองทวีป” เพราะตั้งอยู่ในจุดเชื่อมต่อระหว่าง เอเชีย และ ยุโรป

 

“จอร์เจีย” — ดินแดนที่ได้ชื่อว่าเป็น "ประเทศสองทวีป"

 

📍 หากพูดถึงจอร์เจีย หลายท่านคงเคยเห็นภาพความสวยงามของประเทศจอร์เจียกันมาบ้างแล้ว และคงเป็นหนึ่งในที่ที่นักท่องเที่ยวหลายท่านปักหมุดปักใจกันไว้ หรือสำหรับหลายคนอาจกำลังมีแพลนจะเดินทางไปเยือนจอร์เจียและกำลังค้นหาข้อมูลเพื่อเตรียมตัวเดินทาง วันนี้ GoTogetherTravel ได้รวบรวม “10 ข้อควรรู้ก่อนเดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศจอร์เจีย มาให้ทุกท่านได้ใช้ประกอบการตัดสินใจและการวางแผน

 

1. จอร์เจีย หนึ่งในประเทศที่เที่ยวง่าย ไม่ต้องขอวีซ่า

ประเทศจอร์เจียเป็นประเทศในทวีปเอเชียที่คนไทยสามารถไปเที่ยวได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าและสามารถอยู่ได้นานถึง 1 ปีต่อครั้งถือว่าสะดวกมากๆ สำหรับคนที่อยากมาใช้ชีวิต และเที่ยวระยะยาว ในเรื่องของค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ค่าตั๋วเครื่องบินจากไทยไปจอร์เจียอยู่ที่ประมาณ 25,000-35,000 บาท (ไป-กลับ) สำหรับราคาปกติ ซึ่งถือว่าคุ้มค่ามากเมื่อเทียบกับความงามทางธรรมชาติและวัฒนธรรมที่คุณจะได้ไปสัมผัส

 

จอร์เจีย หนึ่งในประเทศที่เที่ยวง่าย ไม่ต้องขอวีซ่า

 

2. คนจอร์เจียภายนอกดูดุ แต่ภายในอบอุ่น

ลักษณะของคนจอร์เจียภายนอกอาจจะดูดุ ๆ หน้าบึ้ง ไม่ค่อยรับแขก แต่อย่าเพิ่งตกใจไปนะคะ เพราะนั่นเป็นเพียงลักษณะภายนอกที่อาจคล้ายกับชาวรัสเซียหรือยุโรปตะวันออกหลายประเทศ แต่ในความเป็นจริงแล้ว คนจอร์เจียเป็นมิตร ใจดี และจริงใจมาก พูดตรง พูดชัด และตรงต่อเวลา

 

คนจอร์เจียภายนอกดูดุ แต่ภายในอบอุ่น

 

3. ประเทศจอร์เจียมีภาษาประจำชาติของตัวเอง

ภาษาประจำชาติของจอร์เจียคือภาษาจอร์เจียน ซึ่งเป็นหนึ่งในภาษาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ในปัจจุบันคนจอร์เจียยังใช้ภาษารัสเซียได้ดี เนื่องจากในอดีตเคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต

 

ประเทศจอร์เจียมีภาษาประจำชาติของตัวเอง

 

4. ค่าเงินในประเทศจอร์เจียใช้ “สกุลเงินลารี”

ที่ประเทศจอร์เจีย ใช้สกุลเงินที่เรียกว่า “ลารี” (Lari) เป็นเงินที่ใช้ทั่วไปภายในประเทศทั้งในเมืองใหญ่และชนบท เมื่อเทียบกับเงินไทย 1 ลารีจะมีค่าประมาณ 11-13 บาทไทย แต่เราไม่สามารถนำเงินไทยสกุลบาทไปแลกเป็นเงินสกุลลารีได้ ต้องแลกเป็นเงิน US Dollars หรือเงิน Euro จากนั้นนำไปแลกที่ประเทศจอร์เจีย แอบกระซิบว่าแลกเงินในเมืองหลวง ทบิซิลีเรทดีกว่า 100 US Dollars จะแลกได้ประมาณ 274 ลารี

 

เงินในประเทศจอร์เจียใช้ “สกุลเงินลารี”

 

5. ไวน์จอร์เจียมรดกทางวัฒนธรรมที่ต้องไปลิ้มลอง

ประเทศจอร์เจียถือเป็นหนึ่งในแหล่งกำเนิดการทำไวน์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ในปี 2013 ประเทศจอร์เจียได้รับการบันทึกจากยูเนสโกว่าเป็นชาติที่ผลิตไวน์เก่าแก่ชาติหนึ่งในยุโรป โดยไวน์จอร์เจียถูกบันทึกว่าเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ (Intangible Cultural Heritage)

 

ไวน์มรดกโลกประเทศจอร์เจีย

 

6. อาหารจอร์เจีย เค็มจัดจ้าน แต่ผักผลไม้สดหวานคุ้มราคา

อาหารของประเทศจอร์เจียมีรสชาติเค็มมาก เน้น แป้ง ขนมปัง และชีส เป็นหลัก แต่ผักและผลไม้ของที่นี่ถูกและสดมาก แตงกวา และมะเขือเทศนี่คือหวานฉ่ำ ทาสรักมะเขือเทศต้องมาลองเลย หรือถ้าคิดไม่ออกว่าจะสั่งเมนูอะไรดี แนะนำให้ลองสั่งบาบีคิวอะไรก็ได้ หมู ไก่ เนื้อ มาลองก่อนรับรองว่าจะติดใจ

 

อาหารจอร์เจีย

 

7. ถ้าหากคิดถึงอาหารไทยมากกว่านี้คงต้องรีบกลับแน่เลย

ถ้าท่านไหนที่ไม่ไหวเพราะเอียนกับชีสและแป้งโหยหารสชาติแซ่บๆ แบบไทยๆ ในเมืองหลวงทบิลิชีก็มีร้านอาหารไทยที่พอจะบรรเทาความคิดถึงของท่านได้ ชื่อร้านว่า Tomyum Thai restaurant-Tbilisi เป็นร้านอาหารไทยร้านอาหารไทยอีสาน

 

ร้านอาหารไทยในเมืองทบิลิชี

 

8. จอร์เจียมาเมื่อไหร่ก็ดี เที่ยวได้ตลอดทั้งปี

ที่ประเทศจอร์เจียสามารถเที่ยวได้ตลอดปี ในแต่ละฤดูให้บรรยากาศและความงามที่ต่างกัน ถ้าหากอยากเจอหิมะให้ไปช่วงหน้าหนาว ธ.ค.–มี.ค. ส่วนฤดูใบไม้ผลิ เม.ย.–พ.ค. จะมีดอกซากุระและบลอสซั่มบานเต็มที่ ต้นซัมเมอร์ มิ.ย.–ก.ค. เหมาะกับสายเดินป่า ป่าเขียว ดอกไม้ป่าบานสวยงาม ปลายซัมเมอร์ ส.ค.–ก.ย. ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสี นักท่องเที่ยวเริ่มเยอะ และถ้าอยากเห็นใบไม้เปลี่ยนสีชัด ๆ ต้องไปช่วง ต.ค.–พ.ย. ลองมาแล้วคุณจะตกหลุมรักจนขึ้นไม่ไหว

 

เที่ยวจอร์เจียในฤดูหนาว

 

9. แหล่งท่องเที่ยวแบบธรรมชาติสุดอลังการ

ที่ประเทศจอร์เจียในแต่ละเมืองก็จะมีมุมเด็ดๆ ให้ไปตามถ่ายรูปและเช็คอิน เช่น จูตา(Juta)-กรูโช วัลเล่ย์(Truso Valley) คาชเบกิ(Kazbegi)-เมสเทียร์(Mestia) และอสกูลิ (Ushgul) เป็นต้น

 

เที่ยวจูตา(Juta) ประเทศจอร์เจีย

 

10. เส้นทางเทรคกิ้งแม้จะเหนื่อยแต่ยอมเพราะสวย

เส้นทางเทรคกิ้ง Toba Varchkhili Trekking คือเส้นทางเดินป่าระดับ 5 ดาวของจอร์เจีย ใช้เวลา 5 คืน 6 วัน เต็มไปด้วยวิวธรรมชาติสุดอลัง ทั้งภูเขา ทะเลสาบ และป่าสีเขียว อยากให้ทุกท่านได้ลองมาสัมผัสด้วยตัวเอง

 

Toba Varchkhili Trekking

 

จอร์เจียกำลังกลายเป็นจุดหมายยอดฮิตที่นักท่องเที่ยวหลายคนเริ่มหันมาสนใจ ด้วยเสน่ห์เฉพาะตัวที่ยากจะหาใครเหมือน ทั้งธรรมชาติที่สวยงาม และวัฒนธรรมที่เก่าแก่ อาหารที่มีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง และผู้คนที่แม้จะดูนิ่ง ๆ แต่จริงใจและอบอุ่น ที่สำคัญคือเที่ยวง่าย ไม่ต้องขอวีซ่า ค่าใช้จ่ายไม่แรง แถมยังเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ใครที่กำลังมองหาประสบการณ์ใหม่ ๆ ในดินแดนสองทวีป จอร์เจียคือคำตอบที่ใช่แน่นอนค่ะ

 

สนใจเลือกเที่ยวประเทศต่างๆไปกับ GoTogetherTravel ผู้นำด้านการท่องเที่ยว

ทัวร์จอร์เจีย

Line: @GoTogetherTravel   โทร: 02-214-6088 , 081-405-9726