โมร็อกโค (MOROCCO) ได้รับการขนานนามว่าเป็น “เอล มาห์กริบ อัล อัค ซา” (EL MAHGRIB AL AQSA) ซึ่งหมายถึงดินแดนทางทิศตะวันตกไกลที่สุด ที่นี่เป็นดินแดนเมืองหนาวที่มีแดดอันร้อนแรง หรือเป็นประเทศที่เย็นที่สุดในหมู่ประเทศที่ร้อนที่สุด เนื่องจากภูมิประเทศอันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นบริเวณที่ตั้งซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือสุดของทวีปแอฟริกา
เมืองคาซาบลังก้า (CASABLANCA) มีความหมายในภาษาสเปนว่าบ้านสีขาว ซึ่งเป็นเช่นนั้นจริงๆ แต่ปัจจุบันนี้บ้านเรือนของพวกเขามีสีขาว เป็นเมืองใหญ่อันดับหนึ่งของราชอาณาจักรโมร็อกโก (Kingdom of Morocco) ตั้งอยู่ริมมหาสมุทรแอตแลนติก ทางฝั่งตะวันตกของประเทศ หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อของ “คาซาบลังกา” จากภาพยนตร์ในชื่อ Casablanca (สร้างปีค.ศ.1942) แม้ว่าในความเป็นจริงภาพยนตร์ดังกล่าวไม่ได้ใช้ฉากที่ถ่ายทำในคาซาบลังกาเลยแต่ก็ทำให้เมืองนี้มีชื่อเสียงไปทั่วโลกได้เช่นกัน
Casablanca เป็นภาพยนตร์รักอเมริกันในกาซาบล็องกา เมืองท่าทางตอนเหนือโมร็อกโก ภาพยนตร์กล่าวถึงความขัดแย้งและการตัดสินใจของชายคนหนึ่ง ที่ต้องเลือกระหว่างความรัก กับการช่วยเหลือสามีของเธอในการต่อสู้ต้านทานนาซี อีกหนึ่งเสน่ห์ของหนังเรื่องนี้คือ ความ “แฟนตาซี” และ “เอ็กโซติก” ที่นำเสนอออกมา ทำให้เมืองคาซาบลังก้ากลายเป็นที่รู้จัก และโด่งดังมีชื่อเสียงไปทั่วโลก
จุดหมายที่ไม่ควรพลาด กับการไปเยือนเมืองคาซาบลังก้า ได้แก่ สุเหร่าแห่งกษัตริย์ฮัสซันที่ 2 (Hassan II Mosque) มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 รองจากเมืองเมกกะ สุเหร่านี้งดงามประณีตด้วยสถาปัตยกรรมแบบโมร็อกโคทุกแขนง ชมวิวทิวทัศน์รอบๆ และสุเหร่าแห่งนี้ยังเป็นจุดชมวิวบรรยากาศริมชายฝั่งทะเลอีกด้วยค่ะ
เมืองเชฟชาอูน (CHEFCHAOUEN) Blue City นครสีฟ้า เมืองซึ่งได้ขนานนามว่า “มนต์เสน่ห์แห่งโมร็อคโค” เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 538 ปี มีสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติสวยงาม อากาศบริสุทธิ์และความสะอาดของเมืองได้สร้างบรรยากาศผ่อนคลายสบายๆ จากเหนื่อยล้ามาจากการตระเวนเที่ยวที่เมืองอื่นได้ผ่อนคลาย มีสถาปัตยกรรมที่ยอดเยี่ยม อีกทั้งยังเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ และมีชื่อเสียงมากที่สุดด้วยความโดดเด่นของอาคารบ้านเรือนที่ทาเป็นสีฟ้าทั้งหมดด้วยค่ะ
สาเหตุที่เมืองเชฟชาอูนถือว่าเป็นสวรรค์ของคนรักสีฟ้าและสีขาว โดยเฉพาะสีฟ้า นั่นก็เพราะว่าเชฟชาอูนเป็นเมืองที่บ้านเรือนเกือบทุกหลังเป็นสีขาว และมีครึ่งล่างไปจนถึงบริเวณถนน บันได และทางเดิน เป็นสีฟ้าสดใสเหมือนวันที่ท้องฟ้าไร้เมฆ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเทพเจ้า เพื่อเป็นการระลึกถึงพระเจ้านั่นเอง
ทะเลทรายซาฮารา (SAHARA DESERT) เป็นทะเลทรายที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ที่สุดในโลกคือ มีเนื้อที่ประมาณ 9.3 ล้านตารางกิโลเมตร (ใหญ่เท่าอเมริกาทั้งประเทศ) และตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทวีปแอฟริกา ให้ท่านได้สัมผัสบรรยากาศยามเช้าในทะเลทรายซาฮาร่า จากสภาพการไร้ฝนและอุณหภูมิที่ร้อนจัดในทะเลทรายมีผลทำให้ความชื้นสัมพัทธ์ของอากาศเหนือทะเลทราย กิจกรรมที่น่าสนใจของสถานที่แห่งนี้ก็คือ ขี่อูฐเพื่อไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่เนินทรายในทะเลทรายซาฮารา
เมืองมาราเกช (MARRAKECH) ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญเชิงเขาแอตลาส ในอดีตเมืองโอเอซิสนี้เป็นที่พักของกองคาราวานอูฐที่มาจากทางตอนใต้ของโมรอคโค เป็นเส้นทางของพ่อค้าตะวันออกกลาง ปัจจุบันเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุด
สภาพบ้านเมืองที่เห็นได้ชัดคือ ทางเดินที่ทอดตัวยาวสองข้างทางแวดล้อมด้วยบ้านเรือนที่ถูกฉาบด้วยปูนสีส้มๆ คนท้องถิ่นจะเรียกว่า Pink City หรือเมืองสีชมพู อาจกล่าวได้ว่ามาราเกชเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ที่สุดในโลกแห่งหนึ่งและยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น
มัสยิด คูตูเบีย (Koutoubia Mosque) ซึ่งเป็นมัสยิดใหญ่เก่าแก่ที่สุดในเมืองมาราเกช ไม่ว่าจะเดินไปแห่งใดในตัวเมืองก็จะเห็นมัสยิดนี้ได้ ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1147 เพื่อประกาศชัยชนะของชาวมุสลิมที่ได้นำศาสนาเข้ามาเผยแผ่ได้อย่างสำเร็จ แต่มัสยิดแห่งนี้ผู้ที่ไม่ได้นับถือศาสนาอิสลามไม่สามารถเข้าไปชมด้านในมัสยิดได้ สามารถเดินถ่ายรูปในบริเวณลานด้านนอกรอบๆ ตัวอาคารได้
พระราชวังบาเฮีย (Bahia Palace) มีความหมายว่า “ราชวังแห่งความวิโรจน์” แต่ละห้องจะถูกออกแบบด้วยลวดลายกระเบื้อง มีห้องที่ตกแต่งไว้ทั้งหมด 150 ห้อง มีความงดงามมากเลยทีเดียวโดยที่ตั้งใจจะให้เป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่และหรูหราที่สุดในสมัยนั้น พระราชวังมีการตกแต่งโดยการแกะสลักปูนปั้น stucco ประดับประดาด้วยโมเสก เป็นลวดลายที่สวยงามละเอียดอ่อนมาก
Jardin Majorelle เป็นสวนพฤกษศาสตร์ขนาดใหญ่ ที่โดดเด่นสะดุดตาแห่งโมร็อคโกว่ากันว่าเป็นสวรรค์น้อยๆ สวนแห่งนี้เป็นที่รวบรวมพันธุ์ไม้นานาจากทั่วโลก โดยเฉพาะต้นกระบองเพชรนับพันต้น หลากหลายสายพันธุ์ มีสวนบัว และป่าไม้ดูร่มรื่น สวนแห่งนี้ออกแบบโดยศิลปินชาวฝรั่งเศส Jacques Majorelle ทำให้สวนแห่งนี้ดูโดดเด่นสะดุดตาขึ้นมาอย่างน่าเหลือเชื่อ