เที่ยวจอร์แดน เปิดโลกแห่งการผจญภัย 2025 โดยคู่มือฉบับคนไทย

หากใครยังไม่เคยไปประเทศจอร์แดน คงคิดภาพว่าจอร์แดน เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยทะเลทราย และตั้งอยู่ตรงไหนของโลกหรือมีที่เที่ยวอะไรเด่นๆ บ้าง แต่จริงๆแล้วจอร์แดนเป็นประเทศที่สวยมากๆๆ สวยแบบสวยทุกอนู ผู้คนนิสัยดี อากาศไม่ร้อนอย่างที่ทุกคนคิด ถ่ายรูปสวยมาก และเป็นประเทศที่มีเสน่ห์น่าค้นหามากมาย

วันนี้ Go together travel จึงมีข้อควรรู้ก่อน เที่ยวจอร์แดน มาฝาก คู่มือเที่ยวจอร์แดนฉบับคนไทย เก็บข้อมูลและทำความรู้จักที่นี่กันไว้ก่อนเตรียมตัวไป ทัวร์จอร์แดน

สนใจเลือกเที่ยวอินเดียไปกับ GoTogetherTravel ผู้นำด้านการท่องเที่ยว

ทัวร์ตะวันออกกลาง

Line: @GoTogetherTravel โทร: 02-214-6088 , 081-405-9726

เตรียมตัวเที่ยวจอร์แดน ข้อมูลพื้นฐานสำหรับนักเดินทางชาวไทย ที่ต้องรู้ก่อนออกเดินทาง

1. วีซ่าจอร์แดนสำหรับคนไทย เตรียมง่าย ไม่ยุ่งยาก

เป็นความโชคดีคนไทยไม่ต้องทำวีซ่าก่อนไปจอร์แดนครับ โดยสามารถขอวีซ่าแบบ Visa On Arrival (VOA) ที่สนามบิน Queen Alia International Airport ณ กรุงอัมมาน (Amman) และ สนามบินนานาชาติ King Hussein International Airport ณ กรุง Aqaba ได้เลยโดยที่ไม่จำเป็นต้องขอวีซ่าล่วงหน้าจากประเทศของตน

แต่หากคุณต้องการที่จะทำวีซ่าไปเที่ยวจอร์แดน การขอวีซ่าก็ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากเลย โดยมีขั้นตอนดังนี้

ประเภทวีซ่า คนไทยต้องยื่นขอ วีซ่าท่องเที่ยว (Tourist Visa) ก่อนเดินทาง
เอกสารที่ต้องใช้
- หนังสือเดินทาง (Passport) ที่มีอายุเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน
- รูปถ่ายขนาดพาสปอร์ต (2 รูป)
- แบบฟอร์มขอวีซ่า (กรอกออนไลน์หรือติดต่อสถานทูต)
- ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ
- หลักฐานการจองที่พักในจอร์แดน
- ประกันการเดินทาง (ครอบคลุมตลอดการเดินทาง)
ค่าธรรมเนียม ประมาณ 40 JOD (ประมาณ 1,900 บาท) แต่หากคุณวางแผนเดินทางในกลุ่มหรือซื้อ Jordan Pass คุณอาจได้รับการยกเว้นค่าวีซ่า (อ่านเพิ่มเติมด้านล่าง)
Jordan Pass ทางเลือกยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยว! บัตรนี้รวมค่าตั๋วเข้าชมสถานที่สำคัญและค่าวีซ่าในบัตรเดียว ช่วยประหยัดและสะดวกสบาย (ราคาเริ่มต้นที่ 70 JOD)

อย่าลืมตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจาก สถานทูตจอร์แดนประจำประเทศไทย เพื่อความถูกต้องและอัปเดตข้อมูลใหม่!

2. เที่ยวเดือนไหนดี? สภาพอากาศและช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเดินทาง

จอร์แดนมีภูมิอากาศแบบทะเลทรายและภูเขา ซึ่งแตกต่างกันในแต่ละฤดูกาล เอาจริงๆ ทุกคนจะมีภาพติดตาเลยว่าประเทศแถบตะวันออกกลางจะต้องร้อนมากๆ งั้นเราแนะนำเป็น 2 ช่วง คือ เดือนมีนาคม-พฤษภาคม และ เดือนกันยายน-พฤศจิกายน เพราะเป็นช่วงที่อากาศไม่ร้อนมาก ไม่หนาวมาก และไม่มีฝน

ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม) ช่วงนี้อากาศเย็นสบาย เหมาะสำหรับการเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ
ฤดูร้อน (มิถุนายน-สิงหาคม) อากาศร้อนจัด โดยเฉพาะในทะเลทราย ควรพกน้ำดื่มและป้องกันแสงแดด
ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน) อากาศคล้ายฤดูใบไม้ผลิ แต่มีลมเย็นสบาย
ฤดูหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) หนาวเย็น โดยเฉพาะในบริเวณภูเขา เช่น เพตรา หรืออัมมาน อุณหภูมิอาจต่ำถึง 0 องศา!

3. ค่าเงินและการใช้จ่ายในจอร์แดน

สกุลเงิน ดีนาร์จอร์แดน (Jordanian Dinar หรือ JOD)
- 1 JOD ≈ 47-50 บาท (ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยน)
การแลกเงิน แนะนำแลกเงิน USD ไปก่อน แล้วค่อยแลกเป็น JOD เมื่อถึงจอร์แดน
ค่าใช้จ่ายเฉลี่ย
- อาหารท้องถิ่น 3-5 JOD/มื้อ (ประมาณ 150-250 บาท)
- โรงแรมระดับกลาง 50-100 JOD/คืน (ประมาณ 2,500-5,000 บาท)
- ค่ารถแท็กซี่ในเมือง เริ่มต้นที่ 1 JOD (ประมาณ 50 บาท)

เราขอแนะนำให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันแปลงค่าเงิน เช่น XE Currency เพื่อความสะดวก

4. สิ่งที่ควรรู้และเคารพเกี่ยวกับวัฒนธรรมจอร์แดน

จอร์แดนเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมอาหรับผสมผสานกับศาสนาอิสลาม นักท่องเที่ยวควรให้ความเคารพในขนบธรรมเนียมต่างๆ ดังนี้

การแต่งกาย ควรแต่งกายสุภาพ ปิดไหล่และหัวเข่า โดยเฉพาะเมื่อเข้าเยี่ยมชมสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
การทักทาย การจับมือและกล่าว “Salaam” (สลาม) เป็นการทักทายที่สุภาพ
การถ่ายรูป ควรขออนุญาตก่อนถ่ายรูปคนท้องถิ่น โดยเฉพาะผู้หญิง
อาหารและเครื่องดื่ม หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ในที่สาธารณะ และควรทดลองอาหารท้องถิ่น เช่น มันซาฟ (Mansaf) ซึ่งเป็นอาหารประจำชาติ

สำหรับในเรื่องของอาหารนั้น ส่วนใหญ่อาหารพื้นเมืองจอร์แดนจะเน้นพวกปิ้งย่าง และเนื่องจากเป็นประเทศมุสลิม จึงไม่มีเนื้อหมู ส่วนเนื้อสัตว์ที่เห็นอยู่ทั่วไปจะเป็นเนื้อไก่ วัว และแกะ(แนะนำเลยเนื้อแกะย่าง อร่อยมากๆๆๆๆๆ) โดยทานกับแป้งต่างๆ มีผักดอง มะกอกดอง และโยเกิร์ต ที่ทำจากถั่วรสชาติต่างๆ เมนูที่หาทานง่ายได้ทั่วไปก็คือ เคบับ เนื้อสัตว์ย่างห่อแป้ง เนื้อแกะย่าง เป็นต้น

6. สิ่งจำเป็นที่ต้องเตรียมไป

รองเท้าสำหรับเดินที่สบาย (สำคัญมากสำหรับเที่ยวเพตรา)
ครีมกันแดด หมวก และแว่นกันแดด
ยาประจำตัว และอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเล็กๆ
Power Bank และ Universal Adapter สำหรับชาร์จอุปกรณ์

แนะนำเพิ่มเติม ถ้าได้ไปเที่ยวจอร์แดนคงไม่มีใครอยากพลาด ที่ต้องการแชร์รูปประเทศจอร์แดนสวย ๆ ลงเฟสบุ๊คอย่างแน่นอน เราแนะนำให้ติดต่อกับทัวร์ที่เราจองไว้ก่อนได้เลย เพื่อที่เขาจะได้แจ้งทางไกด์ Local ให้ซื้อซิมไว้รอเรา หรืออีกวิธีคือ ไปใช้ wifi ในโรงแรมก็ได้เหมือนกัน

แนะนำสถานที่เที่ยวสำคัญที่คุณไม่ควรพลาดจริงๆ

เยือนมรดกโลก เมืองเพตรา

เมืองเพตรา เพตรา หรือที่รู้จักในชื่อ “The Rose City” เนื่องจากสีชมพูอมแดงของหินที่ถูกแกะสลัก เป็นเมืองโบราณที่สร้างโดยชาว นาบาเทียน (Nabataeans) เมื่อกว่า 2,000 ปีก่อน ชาวนาบาเทียนเป็นชนเผ่าอาหรับที่มีความชำนาญในการแกะสลักหินและสร้างระบบชลประทานในทะเลทราย ทำให้เพตรากลายเป็นเมืองการค้าสำคัญในยุคนั้น

และในปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ยังได้รับลงทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ. 2528 โดยกล่าวอธิบายไว้ว่า “เป็นหนึ่งในสิ่งที่ล้ำค่ามากที่สุดของมรดกทางวัฒนธรรมแห่งมวลมนุษยชาติ”

มีเอกลักษณ์คือ วิหารสีชมพู (The Siq) ที่เกิดจากการแกะสลักลงไปบนหินผาอย่างมหัศจรรย์

ไฮไลต์สำคัญของเมืองเพตรา

Al-Khazneh (The Treasury) สุสานหินแกะสลักที่โด่งดังที่สุด เป็นสัญลักษณ์ของเพตรา ซึ่งปรากฏในภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง Indiana Jones and the Last Crusade
The Monastery (Ad-Deir) วิหารขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนภูเขา เดินขึ้นไปถึงแม้จะเหนื่อยแต่คุ้มค่า
The Siq เส้นทางเข้าสู่เมืองเพตรา เป็นช่องเขาแคบๆ ระยะทางประมาณ 1.2 กิโลเมตร ที่จะพาคุณไปพบกับ The Treasury อย่างยิ่งใหญ่
Royal Tombs สุสานของราชวงศ์ที่แกะสลักอยู่บนหน้าผา
Great Temple วิหารโบราณที่เผยถึงความรุ่งเรืองในอดีตของเพตรา

ทะเลทรายวาดิรัม (Wadi Rum) ทะเลทรายที่สวยที่สุดในโลก

เมื่อพูดถึงการท่องเที่ยวในจอร์แดน หนึ่งในสถานที่ที่เปรียบเสมือนเพชรเม็ดงามของประเทศนี้คือ ทะเลทรายวาดิรัม (Wadi Rum) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “The Valley of the Moon” เป็นหนึ่งในทะเลทรายที่ถูกขนานนามว่าสวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ด้วยเม็ดทรายละเอียดสีชมพู วิวของที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นทะเลทรายสลับกับหุบผา ก็จะดูแปลกๆตาหน่อยๆ แต่ก็ทำดูสวยไปอีกแบบ

ทะเลทรายวาดิรัมเป็นสถานที่ที่ผสมผสานธรรมชาติอันกว้างใหญ่ วัฒนธรรมเบดูอิน และประสบการณ์การผจญภัยที่ไม่มีที่ใดเหมือน

วาดิรัม เป็นทะเลทรายที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของจอร์แดน ห่างจากเมืองอควาบา (Aqaba) ประมาณ 60 กิโลเมตร มีลักษณะเด่นคือภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยภูเขาหินทรายสูงตระหง่าน หุบเขา และเนินทรายที่เปลี่ยนสีตามแสงแดดในแต่ละช่วงเวลา ทำให้ทะเลทรายแห่งนี้ได้รับฉายาว่า “หุบเขาแห่งดวงจันทร์”

ทะเลทรายวาดิรัมยังถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ชื่อดังมากมาย เช่น Lawrence of Arabia, The Martian, และ Dune ซึ่งยิ่งทำให้สถานที่แห่งนี้โด่งดังและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

ไฮไลต์ของทะเลทรายวาดิรัม

Wadi Rum มีสถานที่ท่องเที่ยวและจุดเด่นมากมายที่คุณไม่ควรพลาด

Seven Pillars of Wisdom ภูเขาหินที่มีรูปร่างเป็นเสาหินเจ็ดต้น ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือชื่อดังของ T.E. Lawrence (Seven Pillars of Wisdom)
Burrah Canyon หุบเขาหินทรายที่เงียบสงบและเหมาะสำหรับการเดินป่าหรือขี่อูฐชมวิว
Um Frouth Rock Bridge สะพานหินธรรมชาติที่สามารถปีนขึ้นไปเพื่อชมวิวแบบพาโนรามาของทะเลทราย
Lawrence’s Spring บ่อน้ำโบราณที่เกี่ยวข้องกับ T.E. Lawrence หรือที่รู้จักกันในชื่อ Lawrence of Arabia
Sand Dunes เนินทรายสีแดงที่เหมาะสำหรับการเดินเล่น ขี่อูฐ หรือเล่นแซนด์บอร์ด

ลอยตัวที่ทะเลเดดซี ประสบการณ์สุดมหัศจรรย์ที่คุณต้องลองสักครั้งในชีวิต

หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์แปลกใหม่ที่ไม่เหมือนใคร การลอยตัวใน ทะเลเดดซี (Dead Sea) จะเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่คุณไม่ควรพลาด! ทะเลเดดซีไม่ได้เป็นเพียงจุดหมายปลายทางสำหรับการพักผ่อน แต่ยังเป็นหนึ่งในสถานที่ที่เต็มไปด้วยความลึกลับและเสน่ห์ของธรรมชาติที่หาที่ไหนไม่ได้ในโลก

ทะเลเดดซีเป็นจุดที่ต่ำที่สุดในโลก โดยตั้งอยู่ที่ระดับ 430 เมตร ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล น้ำทะเลเดดซียังเต็มไปด้วยแร่ธาตุและความเข้มข้นของเกลือสูงมากถึง 34% ซึ่งมากกว่าทะเลทั่วไปถึง 10 เท่า! จนสามารถทำให้คนลอยตัวบนผิวน้ำได้นั่นเอง

นอกจากความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติแล้ว น้ำและโคลนของทะเลเดดซียังมีแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพผิว ทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับคนที่ต้องการบำรุงผิวพรรณและผ่อนคลาย

ไฮไลต์ของการลอยตัวในทะเลเดดซี

ประสบการณ์ลอยตัว ด้วยความเข้มข้นของเกลือในน้ำ คุณจะสามารถลอยตัวได้ง่ายๆ เหมือนนั่งอยู่บนเก้าอี้น้ำที่ล่องลอย ไม่ว่าคุณจะว่ายน้ำเก่งหรือไม่ก็ตาม
โคลนเดดซี โคลนสีดำที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุ เช่น แมกนีเซียม โพแทสเซียม และแคลเซียม เป็นที่รู้จักในเรื่องของคุณสมบัติในการบำรุงผิวพรรณ ลดอาการอักเสบ และช่วยฟื้นฟูผิว
การชมพระอาทิตย์ตก ทะเลเดดซีเป็นหนึ่งในสถานที่ชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามที่สุดในโลก แสงสีทองที่สะท้อนบนผิวน้ำทำให้ภาพที่เห็นเป็นเหมือนงานศิลปะ