นครเพตรา 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก

Petra Cover

นครเพตรา (Petra) เป็นเมืองโบราณกลางทะเลทรายของประเทศจอร์แดน เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากเป็นอันดับต้นๆของโลก เมืองแห่งนี้ถูกซ่อนเร้นจากสายตาชาวโลกนานหลายร้อยปี จนกระทั่งปี พ.ศ. 2355 (ค.ศ. 1812) โยฮันน์ เบิร์กฮาร์ด นักสำรวจชาวสวิสได้ค้นพบอีกครั้ง ทำให้ชื่อเสียงของนครเพตราค่อย ๆ ฟื้นคืนกลับมา ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญและเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวเข้าชมมากที่สุดของประเทศจอร์แดน

นครเพตรา (Petra) (1)

นครเพตรา 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก

เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 (ค.ศ. 2007) นครเพตราได้รับการแต่งตั้งจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก โดยกล่าวอธิบายไว้ว่า “เป็นหนึ่งในสิ่งที่ล้ำค่ามากที่สุดของมรดกทางวัฒนธรรมแห่งมวลมนุษยชาติ”

นครเพตรา (Petra) (2)

ประวัติความเป็นมาของนครเพตรา

  • ชนกลุ่มแรกที่เข้ามาในพื้นที่ และการก่อตั้งนครเพตรา

ชาวเอโดไมต์ (Edomite) คือชนกลุ่มแรกที่เดินทางเข้ามาสู่เพตรา พวกเขาเข้ามาราวปี 1000 ปีก่อนคริสตกาล แต่ชนชาติที่สร้างเมืองเพตราขึ้นมานั้นคือ ชาวนาบาเทียน (Nabataean) พวกเขามีต้นกำเนิดจากกลุ่มชนอาหรับเร่ร่อน ลักษณะคล้ายกับชาวเบดูอิน (Bedouin) คือเดิมเป็นเพียงชนเผ่าเร่ร่อนที่เดินทางไปตามแหล่งน้ำและทุ่งหญ้าในทะเลทรายอาหรับ แต่ต่อมาได้พัฒนาและตั้งถิ่นฐานถาวรที่นครเพตรา พร้อมสร้างอารยธรรมการค้าอันรุ่งเรือง

  • การเจริญรุ่งเรืองของนครเพตราในฐานะศูนย์กลางการค้า

นครเพตรา ตั้งอยู่เส้นทางการค้าสำคัญที่สุดของโลกในขณะนั้น 2 สาย ได้แก่ เส้นทางสายสายตะวันออก-สายตะวันตกคาบสมุทรอาหรับกับอ่าวเปอร์เซียจนถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และสายสายเหนือ – ใต้ ที่เชื่อมทะเลแดงกับ กรุงดามัสกัส ในซีเรีย ภานในนครเพตรามีแหล่งน้ำจืดสำคัญเรียกกันว่า วาดี มูซา หรือ หุบเขาโมเสส ซึ่งถูกเล่าต่อกันมาว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่โมเสสเสกออกมาจากหินเพื่อให้ชาวยิวได้กินแก้กระหาย เหล่าพ่อค้าหรือนักเดินทางที่เดินทางผ่านทะเลทรายอันว่างเปล่าและแห้งแล้ง ต่างมุ่งหน้ามาที่เมืองเพตรา เพตราจึงกลายเป็นศูนย์กลางค้าขนาดใหญ่ จนกระทั่งมีนักเดินทางชาวกรีกหลายคนกล่าวขานถึงความมั่งคั่งของที่นี่ หนึ่งในนั้นคือ สตราโบ นักภูมิศาสตร์ชาวกรีก ผู้บันทึกไว้ว่า “เพตราเป็นตลาดค้าขายที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคตะวันออก” โดยมีสินค้ามากมายไหลเวียนผ่านที่นี่ เช่น ยางไม้หอม กำยาน เครื่องเทศของชาวอาหรับ ทองแดง เหล็ก เครื่องปั้นดินเผา รูปปั้น และผ้าย้อมของชาวฟินิเซียน เป็นต้น สินค่าต่าง ๆ ล้วนถูกลำเลียงผ่านเมืองเพตราไปสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และชาวเปอร์เซีย

ช่วงที่นครเพตราเจริญถึงขีดสูงสุดคือ ช่วง 50 ปีก่อนคริสตกาล จนถึงคริสต์ศักราชที่ 70 ในช่วงเวลานี้เพตราถูกปกครองด้วยกษัตริย์นาม อารีตัสที่ 4 ผู้ที่ชาวกรีกยกย่องให้ว่า ฟิโลเดมอส ซึ่งแปลว่า ผู้รักประชาชน และด้วยความมั่งคั่ง ความเป็นเมืองที่อยู่ห่างไกล และชัยภูมิอันเหมาะแก่การพิชิต จึงทำให้เมืองมีโอกาสเจริญเติบโตได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องกลัวศัตรูจากภายนอก

  • การเสื่อมถอยลงของนครเพตรา

ในปี พ.ศ. 649 (ค.ศ. 106) นครเพตราที่เคยเจริญรุ่งเรืองด้วยการค้าก็เริ่มสูญเสียอำนาจลง  กลายเป็นเมืองที่อ่อนแอและถูกต่างชาติโจมตีเข้าได้ง่าย ๆ จากพวกโรมันนำโดยจักรพรรดิทราจัน (Trajan) หรือ ไทรอะนุส (Trianus) ได้เข้ายึดครองนครเพตราและผนวกนครนี้เข้าเป็นจังหวัดในจักรวรรดิโรมัน แต่นครเพตราก็ยังคงดำรงอยู่เรื่อยมาจนถึงราวปี ค.ศ. 300 ขณะที่จักรวรรดิโรมันเริ่มคลอนแคลน ต่อมาในปี พ.ศ. 906 (ค.ศ. 363) แผ่นดินไหวก็ได้ทำลายอาคารและระบบชลประทานที่ถือว่าดีมากของเมืองลง จากนั้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 5 นครเพตรากลายเป็นที่ตั้งคริสต์ศาสนามณฑลของบิชอป แล้วถูกมุสลิมยึดในคริสต์ศตวรรษที่ 7 สุดท้ายนครเพตราก็เสื่อมถอยมาเรื่อย ๆ จนถูกลบเลือนหายไป

 

การท่องเที่ยวภายในนครเพตรา

Petra Siq

นักท่องเที่ยวที่มาเยือนจะได้ชื่นชมในความงดงามของนครโบราณซึ่งยังคงหลงเหลือเพียงซากปรักหักพัง โดยเฉพาะจุดเริ่มต้น ของทางเข้าหลักที่เรียกกว่า ซิก (Siq) เป็นช่องกำแพงในหุบเขามืดสลัวซึ่งมีความสูงประมาณ 91-182 เมตร หรือประมาณ 300-600 ฟุต ซึ่งบางแห่งนั้นมีความกว้างไม่เกิน 3 เมตร อีกด้วย

โรงละครภายในนครเพตรา

เมื่อพ้นกำแพงหินคุณจะได้พบกับมหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ เอล-คาซเนท์ ซึ่งสันนิษฐานว่าจะสร้างในราวศตวรรษที่ 1-2 โดยผู้ปกครองเมืองในเวลานั้น เป็นวิหารที่แกะสลักโดยเจาะเข้าไปในภูเขาสีชมพูทั้งลูกมีความสูง 40 เมตร และมีความกว้าง 28 เมตร วิหารแห่งนี้ได้ถูกออกแบบโดยได้รับอิทธิพลศิลปะของหลายชาติเข้าด้วยกัน เช่น อิยิปต์ กรีก นาบาเทียน นอกจากนี้ภายในยังมีสุสานต่างๆ ของชาวนาบาเทียน สุสานกษัตริย์ ชมโรงละครโรมัน ที่แกะสลักจากภูเขาโดยมีแนวราบที่นั่งเท่ากันและมีความสมดุลได้อย่างน่าทึ่ง สันนิษฐานเดิมทีสร้างโดยชาวนาบาเทียน ต่อมาในสมัยที่โรมันเข้ามาปกครองได้ต่อเติมและสร้างเพิ่มเติม มีที่นั่ง 32 แถว จุผู้ชมได้ประมาณ 3,000 คน

นอกจากช่วงเวลากลางวัน ท่านยังสามารถสัมผัสประสบการณ์นครเพตราในช่วงเวลากลางคืน (Petra By Night) ได้อีกด้วย

นครเพตราในช่วงเวลากลางคืน (Petra By Night)

Petra By Night  ท่องราตรีหลงใหลไปกับแสงสีความสวยงามเพตรายามค่ำคืน

เปิดให้เข้าชมทุกวันจันทร์ พุธ และพฤหัสบดีของทุกสัปดาห์ เริ่มตั้งแต่เวลา 20:30 น. จนถึง เวลาประมาณ 22.30 น. ท่านจะได้ชมเมืองหินด้วยแสงเทียนว่า 1,500 เล่ม  ตามทางเดินซิกทั้งหมดจนถึงคลังสมบัติ

ภาพคู่กับนครเพตราในช่วงเวลากลางคืน (Petra By Night)

 

ข้อมูลการเข้าชมและคำแนะนำสำหรับนักท่องเที่ยวที่นครเพตรา

เวลาเปิด-ปิดและค่าธรรมเนียมเข้าชม

  • นครเพตราเปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เช้าตรู่ประมาณ 6:00 น. ถึงเวลาประมาณ 18:00 น.
  • ค่าธรรมเนียมเข้าชมอยู่ที่ประมาณ 50 ดีนาร์จอร์แดน (ประมาณ 2,300 บาท) สำหรับบัตรเข้าชม 1 วัน และมีบัตรแบบ 2 วันและ 3 วันสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสำรวจพื้นที่อย่างละเอียด

การเดินทางและการเข้าถึง

นครเพตรา สามารถเดินทางโดยรถยนต์หรือรถบัสจากเมืองอัมมาน (Amman) หรือเมืองอื่น ๆ ในจอร์แดนได้ เมื่อเดินทางมาถึงการเข้าถึงนครเพตรา สามารถเข้าถึงภายในได้ด้วยการเดินเท้าสำรวจ โดยมีเส้นทางเดินผ่านช่องแคบ ซิก (Siq) ที่มีความยาวประมาณ 1.2 กิโลเมตร ซึ่งเป็นทางเข้าหลักสู่เมืองโบราณ หากท่านไหนไม่สะดวกหรือไม่สามารถเดินระยะไกลได้ก็มีบริการขี่ม้าและรถลาก

คำแนะนำสำหรับการเยี่ยมชม

  • ควรจองบัตรล่วงหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงความแออัดและความยุ่งยาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (High Season)
  • ควรมาเที่ยวในช่วงเช้าตรู่เพื่อหลีกเลี่ยงกลุ่มนักท่องเที่ยวจำนวนมากและอากาศที่ร้อน  โดยเฉพาะในฤดูร้อน (มิถุนายน-กันยายน) อุณหภูมิอาจสูงถึง 40 องศาเซลเซียส ส่วนท่านใดที่เดินทางไปในฤดูหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) อย่าลืมนำเสื้อกันฝนและเสื้อผ้าเพิ่มมาด้วย
  • ควรจัดเตรียมรองเท้าเดินสบายและน้ำดื่มให้เพียงพอ เพราะเส้นทางเดินบางส่วนเป็นภูมิประเทศขรุขระและต้องใช้เวลานานในการสำรวจ ท่านสามารถจ้างไกด์ท้องถิ่นเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมของนครเพตรา
  • ควรจัดเตรียมอาหารกล่องมารับประทาน เนื่องจากร้านค้าภายในมีราคาค่อนข้างสูง

นครเพตรา (Petra) (3)

นครเพตราไม่ได้เป็นเพียงหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ แต่ยังเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ทรงคุณค่า แสดงถึงความรุ่งเรืองของอารยธรรมชาวนาบาเทียนที่เคยสร้างศูนย์กลางการค้าอันยิ่งใหญ่กลางทะเลทราย ด้วยทำเลที่เชื่อมเส้นทางการค้าสำคัญของโลกในยุคนั้น เพตราจึงเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมอย่างสูงสุด ก่อนจะเสื่อมถอยลงตามกาลเวลา ปัจจุบันนครเพตรากลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดนักเดินทางจากทั่วโลกให้ได้มาสัมผัสซากอารยธรรมอันวิจิตร ทั้งสถาปัตยกรรมหินแกะสลัก วิหาร เเละโรงละครโบราณ การได้เดินทางมายังนครเพตราถือเป็นการย้อนรอยประวัติศาสตร์ของโลกอาหรับในยุคโบราณเลยทีเดียว

สนใจเลือกเที่ยวประเทศจอร์แดนไปกับ GoTogetherTravel ผู้นำด้านการท่องเที่ยว

ทัวร์จอร์แดน

Line: @GoTogetherTravel   โทร: 02-214-6088 , 081-405-9726