สุเหร่าสีน้ำเงิน (Blue Mosque) หรือที่รู้จักกันในชื่อสุเหร่าสุลต่านอาห์เมด (Sultan Ahmed Mosque) ตั้งอยู่ในนครอิสตันบูล ประเทศตุรกี สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1609-1616 โดยสถาปนิกเซเดฟคาร์ เมห์เมด อากา ตามพระบัญชาของสุลต่านอาห์เมดที่ 1 ถือเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่มีความงดงามทางสถาปัตยกรรมและเปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์
สนใจเลือกเที่ยวประเทศตุรกีไปกับ GoTogetherTravel ผู้นำด้านการท่องเที่ยว
Line: @GoTogetherTravel โทร: 02-214-6088 , 081-405-9726
ความโดดเด่นทางสถาปัตยกรรม
สุเหร่าสีน้ำเงินผสมผสานศิลปะสองอารยธรรม คือโรมัน (Byzantine) และออตโตมัน (Ottoman) อย่างลงตัว โดยได้รับแรงบันดาลใจจากฮาเกียโซเฟียที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
โดมกลางสูง 43 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 23.5 เมตร รองรับด้วยเสา “เท้าช้าง” ขนาดใหญ่ 4 ต้น และล้อมรอบด้วยโดมย่อยและซุ้มโค้ง สร้างความโอ่อ่าและโปร่งโล่งให้กับภายใน
มีหออะซาน (มินาเร็ต) ถึง 6 ต้น ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของสุเหร่าแห่งนี้
การตกแต่งภายใน
ภายในประดับด้วยกระเบื้องอิซนิคสีน้ำเงินกว่า 20,000 แผ่น ลวดลายดอกไม้ เช่น กุหลาบ ทิวลิป คาร์เนชั่น และต้นไซเปรส สะท้อนศิลปะออตโตมันชั้นสูง
หน้าต่างกระจกสีมากกว่า 260 บาน ช่วยให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาและสะท้อนกับกระเบื้องอย่างงดงาม
โคมไฟระย้าเดิมประดับด้วยไข่นกกระจอกเทศ เชื่อว่าช่วยป้องกันฝุ่นและแมลง
ข้อมูลการเข้าชมปี 2025
เปิดทุกวัน แต่จะปิดชั่วคราววันละ 5 ครั้งในช่วงเวลาละหมาด และปิดวันศุกร์ช่วงเช้าจนถึง 14:30 น.
เวลาทำการ (ฤดูร้อน): 8:30 น. – 19:00 น. (1 เม.ย. – 30 ก.ย.)
ฤดูหนาว: 8:30 น. – 17:00 น. (1 ต.ค. – 31 มี.ค.)
เข้าชมรอบสุดท้ายก่อนปิด 30 นาทีค่าเข้าชม: ฟรี แต่แนะนำให้บริจาคหรือใช้บริการไกด์ทัวร์เพื่อความเข้าใจลึกซึ้ง
ข้อควรปฏิบัติ:
ถอดรองเท้าก่อนเข้าภายใน
แต่งกายสุภาพ (ผู้หญิงคลุมศีรษะ, เสื้อผ้าปิดไหล่และเข่า)
หลีกเลี่ยงการเข้าชมช่วงละหมาด
ห้ามใช้แฟลชถ่ายภาพ
บริการพิเศษ: มีไกด์ทัวร์หลายภาษา และในปี 2025 มีทัวร์ใหม่ เช่น ทัวร์ประวัติศาสตร์ ทัวร์สถาปัตยกรรม และทัวร์วัฒนธรรมยามเย็น
กิจกรรม: ช่วงฤดูท่องเที่ยวอาจมีการแสดงแสงสีเสียงและกิจกรรมวัฒนธรรมเพิ่มเติม
ข้อมูลเพิ่มเติม
สุเหร่าสีน้ำเงินเพิ่งผ่านการบูรณะครั้งใหญ่ 6 ปี และกลับมาเปิดเต็มรูปแบบอีกครั้งในปี 2023-2024 ทำให้โครงสร้างและการตกแต่งภายในกลับมาสวยงามสมบูรณ์
สุเหร่านี้ยังคงเป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจหลักของชาวมุสลิมและเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญของอิสตันบูล
สุเหร่าสีน้ำเงิน (Blue Mosque) ยังคงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวและผู้ศรัทธาทั่วโลกในปี 2025 ด้วยความงดงามทางสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยเสื่อมคลาย
เกร็ดน่ารู้และเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับสุเหร่าสีน้ำเงิน (Blue Mosque)
1. ตำนาน “หออะซาน 6 ต้น”
สุเหร่าสีน้ำเงินเป็นสุเหร่าแห่งแรกในอิสตันบูลที่มีหออะซาน (มินาเร็ต) ถึง 6 ต้น ซึ่งสร้างความฮือฮาในยุคนั้น เพราะปกติสุเหร่าสำคัญจะมีเพียง 4 ต้น
มีเรื่องเล่าว่า สุลต่านอาห์เมดที่ 1 ต้องการให้สร้างหออะซาน “ทองคำ” (altın) แต่สถาปนิกเข้าใจผิดเป็น “หก” (altı) จึงสร้างหออะซาน 6 ต้นขึ้นมา สุดท้ายสุลต่านจึงต้องบริจาคเงินสร้างหออะซานที่ 7 ให้กับมัสยิดใหญ่ที่นครเมกกะ เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งทางศาสนา
2. ความอลังการของ “กระเบื้องอิซนิค”
ภายในสุเหร่าใช้กระเบื้องอิซนิค (Iznik Tiles) ทำมือกว่า 20,000 แผ่น ลวดลายดอกไม้และพืชพรรณ เช่น กุหลาบ ทิวลิป คาร์เนชั่น และต้นไซเปรส
กระเบื้องเหล่านี้เป็นผลงานช่างฝีมือจากเมืองอิซนิคและคูทาห์ยา ถือเป็นจุดสูงสุดของศิลปะเครื่องปั้นดินเผาออตโตมัน
3. โคมไฟระย้าและไข่นกกระจอกเทศ
โคมไฟระย้าเดิมในสุเหร่า ประดับด้วย “ไข่นกกระจอกเทศ” เชื่อว่าช่วยป้องกันฝุ่นและแมลง
ปัจจุบันยังคงมีโคมไฟระย้าขนาดใหญ่ที่สร้างบรรยากาศขลังและสวยงามในยามค่ำคืน
4. มัสยิดแห่งนี้คือ “ศูนย์กลางชีวิตชุมชน”
เดิมทีพื้นที่รอบสุเหร่าเคยมีโรงเรียนสอนศาสนา โรงพยาบาล โรงอาบน้ำ ตลาดน้ำชา โรงครัวสำหรับแจกจ่ายอาหาร และสุสานสุลต่านอาห์เมดที่ 1
ปัจจุบันยังคงเหลือสุสานของสุลต่านอาห์เมดที่ 1 ภรรยา และพระโอรส 3 พระองค์ให้เยี่ยมชม
5. ความจุและสถิติ
สุเหร่าสีน้ำเงินสามารถรองรับผู้สวดมนต์ได้มากถึง 10,000-12,000 คนต่อครั้ง
ในช่วงฤดูร้อน มีนักท่องเที่ยวมาเยือนเฉลี่ยวันละ 20,000 คน และฤดูหนาวประมาณ 10,000 คนต่อวัน
6. งานศิลป์และอักษรวิจิตร
การตกแต่งผนังด้วยอักษรอาหรับและโองการจากคัมภีร์อัลกุรอาน ผลงานของนักคัดลายมือชื่อดัง Seyyid Kasım Gubari
บริเวณ “Sultan’s Lodge” หรือที่นั่งพิเศษของสุลต่าน ตกแต่งอย่างวิจิตรและสามารถมองเห็นภายในสุเหร่าได้อย่างทั่วถึง
7. มุมถ่ายภาพยอดนิยม
ลานหน้าสุเหร่า (Courtyard) มีขนาดใหญ่และงดงามไม่แพ้ตัวอาคารหลัก
ฤดูใบไม้ผลิจะรายล้อมด้วยดอกทิวลิปสีสันสดใส ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำชาติของตุรกี
8. มรดกโลกและการบูรณะ
สุเหร่าสีน้ำเงินถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกในปี 1985
ผ่านการบูรณะครั้งใหญ่ 6 ครั้ง ล่าสุดในปี 2023-2024 เพื่ออนุรักษ์ความงามเดิมและโครงสร้างให้แข็งแรง
9. ประสบการณ์ผู้มาเยือน
นักท่องเที่ยวมักประทับใจกับความโอ่อ่าและความสงบภายใน
มีไกด์ทัวร์หลายภาษาและกิจกรรมวัฒนธรรม เช่น การแสดงแสงสีเสียงในช่วงฤดูท่องเที่ยว
สุเหร่าสีน้ำเงินจึงไม่ใช่เพียงสถาปัตยกรรมอันงดงาม แต่ยังเป็นศูนย์รวมวัฒนธรรม ศิลปะ ประวัติศาสตร์ และจิตวิญญาณของนครอิสตันบูลอย่างแท้จริง
สนใจเลือกเที่ยวประเทศตุรกีไปกับ GoTogetherTravel ผู้นำด้านการท่องเที่ยว
ช่องทางติดต่อได้ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 9.00 -18.00 น.
Line: @GoTogetherTravel
โทร: 02-214-6088 , 081-405-9726