ทัวร์จอร์เจีย อาร์เมเนีย อาเซอร์ไบจาน 2566 (Grand Caucasus)

กำหนดวันเดินทาง

ไฮไลท์โปรแกรมทัวร์

ทัวร์จอร์เจีย อาร์เมเนีย อาเซอร์ไบจาน 2566 ดินแดนเทือกเขาคอเคซัส​ ดินแดนแห่งอารยธรรม​และ​วัฒนธรรม​ที่​หลาก​หลาย เที่ยวครบไฮไลท์ สามประเทศ ธรรมชาติสวยบาคู-แหลมอับเชรอน-โกบัสตาน-ทบิลิซี-เคคาตี้-กูดาอูรี่-คาซเบกี้-มอสเคต้า -กอรี-อัพลีสต์ซีคห์-เยเรวาน-เซวาน-การ์นี่-เก๊กฮาทห์-ป้อมเอเรบูนี และอื่นๆอีกมากมาย

ช่องทางติดต่อ

แผนการท่องเที่ยว

ทัวร์จอร์เจีย อาร์เมเนีย อาเซอร์ไบจาน 2566 ดินแดนเทือกเขาคอเคซัส​ ดินแดนแห่งอารยธรรม​และ​วัฒนธรรม​ที่​หลาก​หลาย เที่ยวครบไฮไลท์ สามประเทศ ธรรมชาติสวยบาคู-แหลมอับเชรอน-โกบัสตาน-ทบิลิซี-เคคาตี้-กูดาอูรี่-คาซเบกี้-มอสเคต้า -กอรี-อัพลีสต์ซีคห์-เยเรวาน-เซวาน-การ์นี่-เก๊กฮาทห์-ป้อมเอเรบูนี และอื่นๆอีกมากมาย

อาเซอร์ไบจาน เป็นดินแดนในจุดเชื่อมต่อของภูมิภาคยุโรปตะวันออกและเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ อาเซอร์ไบจาน สืบเชื้อสายมาจากชนชาติเซลจุคเติร์กและชาวเปอร์เซียโบราณ สันนิษฐานว่าชื่อประเทศในปัจจุบันมาจากภาษาเปอร์เซียนโบราณที่แปลว่า ดินแดนแห่งไฟ เนื่องจากดินแดนแถบนี้มีทรัพยากรน้ำมันอุดมสมบูรณ์และเป็นศูนย์กลางศาสนาโซโรแอสเตอร์ ซึ่งเป็นกลุ่มชนโบราณที่นับถือบูชาไฟ

จอร์เจีย มีประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 2,500 ปี และภาษาจอร์เจียก็เป็นหนึ่งในภาษาเก่าแก่ที่สุดในโลกที่ยังมีการใช้อยู่ เมืองหลวงทบิลิซี ซึ่งมีอายุกว่า 1,500 ปี ตั้งอยู่ในหุบเขาที่งดงามซึ่งถูกแบ่งโดยแม่น้ำมทควารี  ในอดีตพื้นที่ส่วนใหญ่ของจอร์เจียถูกยึดครองโดยเปอร์เซีย อาหรับ เติร์กและมองโกล ในระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 7 จนถึงศตวรรษที่ 18

อาร์เมเนีย เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลทางใต้ของเทือกเขาคอเคซัส เป็นเทือกเขาที่กั้นพรมแดนระหว่างยุโรปและเอเชีย มีการค้นพบโบราณวัตถุที่ถือได้ว่าเก่าแก่ที่สุดในโลก อาทิเช่นมีการพบโรงงานผลิตไวน์ที่มีอายุมากกว่าหกพันปี  นอกจากนี้จะได้พบกับโบราณสถานต่างๆ รวมไปถึงอนุสาวรีย์ประวัติศาสตร์อีกนับพันแห่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ

[timeline][timeline_item item_number=”1″ title=”Day 1:กรุงเทพฯ”] 

  • 23.00 น. พร้อมกันที่ สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 เคาน์เตอร์สายการบินกาตาร์ แอร์เวย์(QR) โดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัท ฯ คอยให้การต้อนรับ ตรวจเอกสาร และสัมภาระ
[/timeline_item] [timeline_item item_number=”2″ title=”Day 2 : กรุงเทพฯ-โดฮา – บาคู”]
  • 02.30 น.      เหิรฟ้าสู่กรุงโดฮา โดยสายการบินการ์ต้า แอร์เวย์ เที่ยวบินที่  QR837
  • 05.30 น.      เดินทางถึงสนามบินนานาชาติโดฮา ฮาหมัด เมืองโดฮา ประเทศการ์ต้า เพื่อแวะต่อเครื่อง
  • 08.50 น.      เหิรฟ้าสู่เมืองบาคู  โดยสายการบินการ์ต้า แอร์เวย์ เที่ยวบินที่  QR353
  • 12.35 น.       เดินทางมาถึงสนามบินเฮย์ดาร์ อลิเยฟ เมืองบาคู ประเทอาเซอร์ไบจาร(Azerbaijan) ผ่านพิธีการตรวจเอกสารคนเข้าเมืองและศุลกากร เมืองบาคู (Baku) เป็นเมืองหลวงของ อาเซอร์ไบจานที่ตั้งอยู่บริเวณริมทะเลสาบแคสเปียนบนคาบสมุทรเล็กๆ ที่มีชื่อว่า อับเซรอน ที่ยื่นออกไปในทะเลฯ ประกอบด้วยพื้นที่ 3 ส่วน ย่านเมืองเก่าภายในกำแพงป้อมเท่านั้น ถนนที่มีลักษณะโค้งและแคบ (อิชเชอร์ เชเคอร์) ตัวเมืองที่สร้างขึ้นในสมัยโซเวียตและตัวเมืองในปัจจุบัน
  • นำท่านเดินทางต่อไปยังบริเวณแหลมอับเชรอน ซึ่งเป็นที่มีไฟติดอยู่ตลอดมา ยูนาร์แด๊ก (Yunar Dag) หรือได้ชื่อว่าภูเขาแห่งไฟ (Fire Mountain) สถานที่แห่งนี้เกิดขึ้นมาแต่โบราณกาล ที่มีเปลวไฟเกิดจากก๊าซที่ลุกไหม้ต่อเนื่องกันนาน จนเป็นที่รู้จักกันดี และได้ชื่อว่าเป็น ดินแดนแห่งไฟ(Land of Fire) นักธรณีวิทยาได้เรียกสิ่งที่เกิดขึ้นว่า การพุ่งของก๊าซ (Gas-Oil Volcanoes) ให้ท่านได้ชมความแปลกประหลาดกับเปลวไฟที่ติดอยู่และเกิดขึ้นต่อเนื่องกัน ตลอดเวลา ซึ่งบางแห่งจะพวยพลุ่งออกมาประมาณ 10 ฟุต ไฟซึ่งเกิดจากก๊าซใต้ดินซึมผ่านชั้นของหินทรายที่เป็นรูพลุ่งขึ้นมาเหนือพื้นดินและติดไฟได้ และที่สำคัญที่สุดได้แสดงให้เห็นแล้วว่า อาเซอร์ไบจานเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยก๊าซธรรมชาติอย่างมากมาย
  • 14.30 น.       รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
  • นำท่านไปเที่ยวชม อิเชรี เชเคอร์ (Icheri Shekher) หรือจะเรียกว่า เมืองเก่า (Old City/Inner City) ซึ่งเป็นโบราณสถานเก่าแก่ที่สำคัญ และเป็นสัญลักษณ์ของเมืองบาคูที่ไม่เหมือนกับที่แห่งใดๆ เมืองนี้ตั้งอยู่ใจกลางกรุง เป็นเมืองที่ถูกสร้างขึ้นโดยมีกำแพงป้อมล้อมรอบและรอบกำแพงจะมีการสร้างเป็นป้อมหอคอยซึ่งมีทั้งหมด 25 แห่งและมีประตูทางเข้าออกถึง 5 แห่งสถานที่แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 โดยกษัตริย์แห่งราชวงศ์ชีวาน และภายในมีสถานที่สำคัญหลายแห่ง เช่น ปราสาทและสุสานของราชวงศ์ชีวาน(ShivanDynasty Palace and Tomb) สุเหร่าดีวานข่าน(Divankhane Mosque) สุเหร่าและเสาหอคอยมินาเรต์ (Mosque and Minarets) ห้องอาบน้ำ (Bath) ที่พักของกองคาราวาน ตลาด (Market Place)และที่สำคัญ คือ หอคอยที่สวยงาม (Maiden Tower)
  • นำท่านไปเที่ยวชม หอคอย ซึ่งถือว่าเป็นส่วนที่เก่าแก่ของเมือง และหลากหลายด้วยโบราณสถานของสิ่งก่อสร้างและต่อไปด้วยตลาดกลางแจ้งที่เต็มไปด้วยสินค้าต่างๆหลายอย่าง ที่แสดงให้เห็นว่าทำมาจากยุคหิน และยังมีพรมที่ทำด้วยมืออันสวยงาม นอกจากนั้นยังมีศิลปะอันเก่าแก่และร้านอาหารที่เลิศรสที่ถูกสร้างขึ้นในราวศตวรรษที่ 14
  • รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
  • นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก และให้ท่านได้พักผ่อนตามอัธยาศัย
  • พักที่   SAPPHIRE BAYIL HOTEL 4* หรือ หรือเทียบเท่า
[/timeline_item] [timeline_item item_number=”3″ title=”Day 3 : บาคู – โกบัสตาน – บาคู”]
  • รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม   
  • เดินทางไปเที่ยวชมโกบัสตาน (Gobustan Area) ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ อยู่ห่างจากเมืองบากูประมาณ 65 กม. เป็นบริเวณที่มีชื่อเสียงมากที่สุด เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีการแกะสลักภาพบนหินของมนุษย์ที่งดงาม (Rock Petroglyphs) และนอกจากนั้นยังมีภูเขาโคลนที่มีรูปร่างเหมือนภูเขาไฟซึ่งมีโคลนสีดำพลุ่งขึ้นมาตลอดเวลา (Mud Volcanoes/Mud Domes) บริเวณแห่งนี้ได้เกิดขึ้นมานานมากประมาณแปดพันกว่าปีก่อนคริสตกาล มีพื้นที่กว้างใหญ่ประมาณ 100 ตร.กม.และในอดีตราวศตวรรษที่ 12 ก่อนคริสตกาล คาดว่าเป็นพื้นที่อยู่อาศัยของชนเผ่าที่มีความสามารถแกะสลักภาพบนก้อนหินได้ ทำให้นักมานุษยวิทยาหลายท่านได้เดินทางเข้ามาศึกษาในระหว่างปี ค.ศ.1961-2002 พร้อมกับลงความเห็นพ้องต้องกันว่า พวกสแกนดิเนเวียนได้มีการเดินทางอพยพจากทางด้านเหนือ เข้ามายังที่บริเวณภูเขาคอเคซัสแห่งนี้ เพราะว่าภาพต่างๆที่เขียนออกมามีความคล้ายกันกับของพวกทางแถบนั้นและได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 2007
  • ชมความแปลกประหลาดและสวยงามของภูเขาโคลนที่มีชื่อเสียง(Mud Domes) ซึ่งเกิดขึ้นที่บริเวณนี้มีอยู่ประมาณ 700 แห่งภูเขาดินโคลนนี้เกิดจากของดินเหลวที่อยู่ใต้ดิน ก๊าซและน้ำที่ร้อนเมื่อถูกผสมรวมกัน ก็จะมีการพลุ่งขึ้นมาบนพื้นดินเป็นรูปกรวยหรือโดมที่สวยงาม บางแห่งจะมีรูปทรงที่มีความสูงประมาณ 15 เมตร    (การขึ้นชม Mud Domes  ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ ณ วันเดินทาง)ให้ท่านได้ชมความสวยงามของภูเขาหินที่มีการแกะสลักภาพที่เป็นรูปต่างๆบนก้อนหิน (Rock Art Cultureal Landscape) เช่นภาพการล่าสัตว์ รูปคนเต้นรำ เรือ หมู่ดาวและสัตว์ต่างๆ ฯ
  • รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
  • จากนั้นนำท่านเดินทางกลับบากู  เยี่ยมชม มัสยิดบิบิเฮบัต (Bibi Heybat Mosque) ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่น้องสาวของอาลี อิหม่ามชีอะห์คนที่ 7 เมื่อมัสยิดถูกทำลายในสมัยการปกครองของสตาลิน ตำนานเล่าขานเกี่ยวกับหญิงสาวที่ห่อตัวด้วยชุดสีขาวที่หายลงไปในทะเลที่น่าสนใจและลึกลับ จนกระทั่งได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางกลับบากู และให้อิสระเดินเล่นชมเมืองตามอัธยาศัย
  • รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
  • พักที่  SAPPHIRE BAYIL HOTEL 4*  หรือเทียบเท่า
[/timeline_item] [timeline_item item_number=”4″ title=”Day 4 : บาคู – แหลมอับเชรอน – ทบิลิซี”]
  • รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
  • นำท่านไปชมอะเทสห์กาห์ของบากู (Ateshgah of Baku) หรือที่มีความหมายถึง วิหารแห่ง ไฟ (Fire Temple) ตั้งอยู่ห่างจากเมืองบากูประมาณ 30 กม.ทางตะวันออกเฉียงใต้ของหมู่บ้านซูราคานี เป็นวิหารที่ถูกสร้างขึ้นใช้สำหรับพิธีการทางศาสนา ที่มีรูปทรงสี่เหลี่ยมและมีกระถางไฟอยู่ตรงกลาง และบริเวณรอบๆ ด้านนอกมี่ห้อง 26 ห้องถูกสร้างเป็นที่พักอาศัยของพวกพระ ถูกสร้างขึ้นในขณะที่ศาสนาโซโรแอสเตอร์กำลังเริ่มต้นและมีความรุ่งเรืองในเวลาต่อมา และพวกอินเดียได้เข้ามาระหว่างศตวรรษที่17-18 และต่อมาถูกทิ้งให้ร้างจนกระทั่งปี ค.ศ.1883 เมื่อบริเวณเมืองนี้ได้ขุดพบน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และต่อมาก็ได้ถูกทำให้เป็นพิพิธภัณฑ์ในปี ค.ศ.1975
  • เที่ยวชมปราสาทแห่งอับชารอน (Castles of Absharon) มีป้อมปราสาทที่ถูกสร้างขึ้นในบริเวณนี้ในราวศตวรรษที่ 12-13 และยังคงถูกรักษาไว้ตั้งแต่ในอดีต ซึ่งทำให้แหลมแห่งนี้โดดเด่น เป็นหนึ่งในด้านของการท่องเที่ยวของอาเซอร์ไบจาน และเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นจำนวนมาก จากนั้นนำท่านเดินทางกลับบาคู
  • รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
  • อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้ง กันจ์ลิค มอลล์ (Ganjlik Mall) เป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่และมีการออกแบบที่สวยงาม หรือ ปาร์ค เบลอวา (Park Buvar) ตั้งอยู่บริเวณ บาคู บลูเลอร์วาร์ด เป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่มีความสะดวกสบายครบครัน มีร้านอาหาร คาเฟ่ และร้านค้าให้ได้เดินเล่นและเลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัย
  • รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
  • 19.30 น.       นำท่านเดินทางสู่สนามบินฯ เพื่อเตรียมตัวเดินทางต่อไปยังกรุงทบิลิซี ประเทศจอร์เจีย
  • 21.45 น.       Q เหิรฟ้าสู่กรุงโดฮา โดยสายการบินอาเซอร์ไบจาน แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ J29225
  • 22.55 น.       เดินทางมาถึงสนามบินทบิลิซี/กรุงทบิลิซี ผ่านพิธีการตรวจเอกสารคนเข้าเมืองและศุลกากร  เมือง ทบิลิซี  เมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของจอร์เจีย ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำคูรา (Kura) หรือ  เรียกว่าแม่น้ำมตควารี (Mtkvari) ในภาษาท้องถิ่น กรุงทบิลิซิมีเนื้อที่ประมาณ 372 ตร.กม. จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พัก
  • พักที่  GOLDEN TULIP HOTEL 4* หรือเทียบเท่า
[/timeline_item] [timeline_item item_number=”5″ title=”Day 5 : ทบิลิซี – มอสเคต้า – กอรี – อัพลิสต์ซิคห์ – ทบิลิซี”]
  • รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
  • นำท่านออกเดินทางไปยังเมืองมอสเคต้า (Mtskheta) ที่ตั้งอยู่ทางด้านเหนือ ห่างจากกรุงทบิลิซีประมาณ 20 กม.ในจังหวัดคาร์ทลี่ทางด้านตะวันออกของจอร์เจีย เมืองนี้นับว่าเป็นเมืองที่มีความเก่าแห่งหนึ่งของประเทศ และในปัจจุบันเป็นศูนย์กลางการปกครองของแคว้นมอสเคต้าและเทียนิตี้  มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 20,000 คน เนื่องจากมีโบราณสถานทางด้านประวัติศาสตร์มากมายหลายแห่ง จึงได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1994
  • ชม วิหารจวารี (Jvari Monastery) ซึ่งเป็นวิหารในรูปแบบของคริสต์ศาสนาออร์โธ ด๊อกที่ถูกสร้างขึ้นในราวศตวรรษที่ 6 วิหารแห่งนี้ตั้งอยู่บนภูเขาที่มีแม่น้ำสองสายไหลมาบรรจบกัน คือ แม่น้ามิควารี และแม่น้ำอรักวีและถ้ามองออกไปข้ามเมืองมิทสเคต้าไปยังบริเวณที่กว้างใหญ่ซึ่งในอดีตเคยเป็นอาณาจักรของไอบีเรีย (Kingdom of Iberia) ซึ่งได้เคยปกครองดินแดนในบริเวณนี้ตั้งแต่ 400 ปีก่อนคริสตกาลจนถึงราวคริสต์ศตวรรษที่ 5
  • นำท่านไปชม วิหารสเวติสโคเวลี (Sveti Tskhoveli Cathedral) ซึ่งเป็นโบสถ์อีกแห่งหนึ่งที่อยู่ในบริเวณของมตสเคต้า ที่มีรูปแบบของจอร์เจียออร์โธด๊อกถูกสร้างขึ้นในราวศตวรรษที่ 11 โดยมีสถาปัตยกรรมของจอร์เจีย
  • นำท่านออกเดินทางไปยัง เมืองกอรี (GORI) ซึ่งอยู่ทางด้านตะวันตก นำท่านชม พิพิธภัณฑ์ของสตาลิน (Museum of Stalin) ซึ่งเป็นสถานที่ที่ได้รวบรวมสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ พร้อมทั้งเรื่องราวต่างๆของสตาลิน และยังมีการแสดงถึงประวัติชีวิตตั้งแต่เกิดจนกระทั่งเสียชีวิต
  • รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร
  • เดินทางไปยังเมืองอัพลิสต์ซิเคห์ (Uplistsikhe) เป็นบริเวณถ้ำที่ถูกทำขึ้นเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ในยุคการเริ่มต้นราวศตวรรษที่ 8-7 ก่อนคริสตกาล ซึ่งในอดีตเป็นเส้นทางการค้าขายสินค้าจากอินเดียสู่ทางด้านเหนือแถบหมู่บ้านมทวารี และหุบเขารีโอนีไปยังทะเลดำและต่อไปยังด้านตะวันตก ทำให้เกิดการพัฒนาการเป็นเมืองต่างๆหลายเมือง และอัพลิสต์ซิคห์ก็เป็นเมืองหนึ่งที่เป็นศูนย์กลางการค้าได้ถูกสร้างขึ้นในราวพันปีก่อนคริสตกาล และต่อมาก็ได้ถูกขยายออกไปจนกว้างขวางชมหมู่บ้านที่ถูกสร้างจากถ้ำโดยมีเนื้อที่กว้างประมาณ 50 ไร่ จนกระทั่งได้เวลาอันสมควรเดินทางกลับไปยัง กรุงทบิลิซี
  • รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร พร้อมชมการแสดงดนตรีพื้นเมือง
  • พักที่  GOLDEN TULIP HOTEL 4* หรือเทียบเท่า
[/timeline_item] [timeline_item item_number=”6″ title=”Day 6 :ทบิลิซี – คาซเบกิ – ทบิลิซี”]
  • รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
  • เดินทางไปบนถนนเส้นทางเดียวที่จะนำท่านเดินทางสู่เทือกเขาคอเคซัสใหญ่ (Greater Caucasus) ที่มีความยาวประมาณ1,100 กม.ที่เป็นเส้นกั้นพรมแดนระหว่างรัสเซียและจอร์เจีย ระหว่างทางให้ท่านแวะถ่ายภาพที่ อ่างเก็บน้ำซินวาลี (Zhinvali Reservoir) และยังมีเขื่อนซึ่งเป็นสถานที่สำคัญสำหรับนำน้ำที่เก็บไว้ส่งต่อไปยังเมืองหลวง พร้อมกับผลิตกระแสไฟฟ้าอีกด้วย นำท่านออกเดินทางต่อไปโดยวิ่งไปตามหุบเขาที่อยู่บนสองฝากฝั่งของแม่น้ำอรักวี
  • ชมป้อมอนานูรี (Ananuri Fortress) เป็นสถานที่ก่อสร้างอันเก่าแก่มีกำแพงล้อมรอบและตั้งอยู่ริมแม่น้ำอรักวี ที่ตั้งอยู่ห่างจากทบิลิซีประมาณ 45 กม.ซึ่งถูกสร้างขึ้นให้เป็นป้อมปราการในศตวรรษที่ 16-17 ภายในยังมีโบสถ์ 2 หลังที่ถูกสร้างได้อย่างงดงามและยังมีหอคอยที่สูงใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ ทำให้เห็นภาพทิวทัศน์อันสวยงามของเบื้องล่าง
  • เดินทางต่อไปยัง เมืองกูดาอูรี (Gudauri) ซึ่งเป็นเมืองสำหรับสกีรีสอร์ทที่มีชื่อเสียงที่ตั้งอยู่บริเวณที่ราบเชิงเขาของเทือกเขาคอเคซัสใหญ่ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,100 เมตร สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งที่พักผ่อนเล่นสกีของชาวจอร์เจียที่จะนิยมมาเล่นในเดือนธันวาคมจนถึงเดือนเมษายนซึ่งเป็นช่วงที่สวยงามและมีหิมะปกคลุมอยู่ตลอดเวลา
  • นำท่านแวะถ่ายภาพกับ อนุสรณ์สถานรัสเซีย-จอร์เจีย (Memorial of Friendship) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Russia-Georgia Friendship Monument เป็นอนุสรณ์สถานที่สร้างขึ้นมาในปี ค.ศ. 1983 เพื่อเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกถึงความสัมพันธ์อันดีของประเทศจอร์เจียและประเทศรัสเซีย โครงสร้างทั้งหมดทำมาจากหินและคอนกรีต ภายในมีการวาดภาพประวัติศาสตร์ของประเทศจอร์เจียและประเทศรัสเซียไว้อย่างสวยงาม ให้ท่านได้อิสระถ่ายรูปบรรยากาศและทิวทัศน์อันสวยงาม ก่อนนำท่านเข้าที่พักและพักผ่อนตามอัธยาศัย
  • รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
  • เดินทางต่อไปยังคาซเบกี (Kazbegi) ซึ่งเป็นชื่อเมืองอันดั้งเดิม แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนมาเป็นชื่อ สเตพ้านท์สมินด้า (Stepantsminda) นำท่านไปชมความสวยงามโบสถ์เกอร์เกตี้ (Gergeti Trinity Church) ถูกสร้างขึ้นในราวศตวรรษที่ 14 หรือมีชื่อเรียกกันว่าทสมินดา ซามีบา (Tsminda Sameba) ซึ่งเป็นชื่อที่เรียกที่นิยมกันของโบสถ์ศักดิ์แห่งนี้สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งขวาของแม่น้ำชคเฮรี ที่อยู่บนเทือกเขาของคาซเบกี้ (การเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้ ต้องขึ้นอยู่กับดินฟ้าอากาศ ซึ่งอาจจะถูกปิดกั้นได้ด้วยหิมะที่ปกคลุมอยู่ และการเดินทางอาจจะมีปัญหาได้ แต่จะคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้เดินทางให้มากที่สุด)  ได้เวลานำท่านออกเดินทางกลับไปยังทบิลิซี
  • รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
  • พักที่   GOLDEN TULIP HOTEL 4*  หรือเทียบเท่า
[/timeline_item] [timeline_item item_number=”7″ title=”Day 7 :ทบิลิซี”]
  • รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
  • นำท่านเดินทางไปชม อนุสรณ์สถานประวัติศาสตร์ของจอร์เจีย (The Chronicle of Georgia) ตั้งอยู่ใกล้ทะเลทบิลิซี ถูกสร้างขึ้นโดยประติมากรชาวจอร์เจียชื่อว่า ซูหรับ คอนสแตนตินน์ (Zurub Konstantines) การก่อสร้างเริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1985 เป็นสถานที่บอกเล่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมาของทบิลิซีโดยใช้เสาที่สลักรูปปั้นเป็นตัวเล่าเรื่องราว โดยเสามีความสูงอยู่ประมาณ 30 เมตร  ส่วนบนสุดของเสา ประกอบไปด้วย พระมหากษัตริย์ ราชินี และวีรบุรุษ และส่วนล่างของเสาบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของพระคริสต์
  • รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
  • นำท่านขึ้นกระเช้าไฟฟ้าสู่ป้อมนาริคาล่า (Narikala Fortress) ให้ท่านชมป้อมปราการ ซึ่งเป็นป้อมโบราณที่ถูกสร้างในราวศตวรรษที่4 ในรูปแบบของชูริส ทซิเค อันหมายถึง รูปแบบที่ไม่มีความสม่ำเสมอกัน และต่อมาในราวศตวรรษที่ 7 สมัยของราชวงศ์อูมัยยาดได้มีการก่อสร้างต่อขยายออกไปอีก และต่อมาในสมัยของกษัตริย์เดวิด (ปี ค.ศ.1089-1125)ได้มีการสร้างเพิ่มเติมขึ้นอีก ซึ่งต่อมาเมื่อพวกมองโกลได้เข้ามายึดครอง ก็ได้เรียกชื่อป้อมแห่งนี้ว่า นาริน กาลา(Narin Qala) ซึ่งมีความหมายถึง ป้อมอันเล็ก(Little Fortress) และต่อมาบางส่วนก็ได้พังทลายลงเพราะว่าเกิดแผ่นดินไหวและได้ถูกรื้อทำลายไป
  • ชมโบสถ์เมเตห์คี (Metekhi Church) เป็นโบสถ์ที่มีประวัติศาสตร์อยู่คู่บ้านคู่เมืองของทบิลิซี ตั้งอยู่บริเวณริมหน้าผาของแม่น้ำมทวารี เป็นโบสถ์หนึ่งที่สร้างอยู่ในบริเวณที่มีประชากรอาศัยอยู่ ซึ่งเป็นประเพณีโบราณที่มีมาแต่ก่อน กษัตริย์วาคตัง ที่ 1 แห่งจอร์กาซาลี
  • ชมวิหารซีโอนี (Sioni Cathedral) ซึ่งเป็นโบสถ์หลังใหญ่ของนิกายออร์โธด๊อกที่ถูกสร้างขึ้นในเมืองนี้ ชื่อของโบสถ์ได้นำมาจากดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ คือ ภูเขาไซออนในเจรูซาเล็ม สถานที่แห่งนี้ก็ได้มี่ชื่อเป็น ซิโอนีแห่งทบิลิซี (Tbilisi Sioni)
  • ชม ถนนรุสทาเวลี (Rustaveli) ซึ่งเป็นถนนใหญ่ของเมืองที่มีชื่อเสียงและกลิ่นไอแบบยุโรป และอาคารที่ถูกสร้างขึ้นที่มีรูปร่างลักษณะใหญ่โตแข็งแรง และยังเต็มไปด้วยร้านค้าที่มีสินค้าแบรนด์เนมต่างๆมากมาย และตามบริเวณทางเท้ายังเต็มไปด้วยร้านค้าที่ขายของที่ระลึกที่เป็นสินค้าพื้นเมืองอันหลากหลายให้ท่านได้พักผ่อนตามอัธยาศัยและเลือกซื้อสินค้าต่างๆ
  • รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก
  • พักที่    GOLDEN TULIP HOTEL 4* หรือเทียบเท่า
[/timeline_item] [timeline_item item_number=”8″ title=”Day 8 : ทบิลิซี – ซาดาโคล – ฮักห์พาท – ซัฆกัดซอร์”]
  • รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
  • นำท่านออกเดินทางไปยังเมืองซาดาโคล (Sadakhlo) ที่อยู่ทางด้านใต้ ซึ่งเป็นเมืองพรมแดนที่อยู่ติดกับอาร์เมเนีย และยังตั้งอยู่ใกล้กับอาเซอร์ไบจานอีกด้วย จึงทำให้เป็นเมืองที่มี 3 บรรยากาศ คือ ความเป็นจอร์เจีย เป็นอาร์เมเนียและเป็นทั้งอาเซอร์ไบจาน ตลอดเส้นทางท่านจะได้ชมวิวทิวทัศน์และธรรมชาติอันสวยของเทือกเขาคอเคซัสน้อยที่อยู่ระหว่างอาร์เมเนียและอาเซอร์ไบจาน
  • นำท่านผ่านด่านเมืองซาดาโคล และข้ามพรมแดนโดยมีเมืองบากราทาเชน (Bagratashen)ที่เป็นเมืองชายแดนของอาร์เมเนียที่อยู่ติดกับจอร์เจีย นำท่านเดินทางสู่เมืองฮักห์พาท (Haghpat) เป็นเมืองในหมู่บ้านของจังหวัด ลอรี่ ที่อยู่ทางด้านเหนือของอาร์เมเนีย เมืองนี้เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเพราะเป็นที่ตั้งของวัดอารามโบราณทั้งสองแห่งให้ท่านได้ชมความสวยงามของ วัดอารามโบราณฮักห์พาท(Haghpat Monastery) ซึ่งถือได้ว่าเป็นผลงานชิ้นเอกของทางด้านศาสนาและทางด้านสถาปัตยกรรมในการก่อสร้างในยุคกลาง อารามแห่งนี้ได้ถูกสร้างขึ้นโดยนักบุญนิชาน (Saint Nishan) ในราวศตวรรษที่ 10 ซึ่งอยู่ในระการขึ้นครองราชย์ของกษัตริย์อะบาส ที่ 1(King Abas I) และนอกจากนั้นก็ยังมีแห่งหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นใกล้ๆ กัน คือ อารามซานาฮิน (Sanahin Monastery) และสถานที่ทั้งสองแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกของโลกในปีค.ศ.1996  ด้านบนท่านสามารถชมวิวเมืองทบิลิซีจากมุมสูงได้โดยรอบ
  • รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
  • เดินทางต่อไปยังเมืองเซวาน (SEVAN) ตั้งอยู่บริเวณริมทะเลสาบเซวาน (Lake Sevan) ระยะทางห่างประมาณ 60 กม. ซึ่งเป็นทะเลสาบน้ำจืดและทะเลปิดในประเทศอาร์เมเนียและเทือกเขาคอเคซัสน้อย ทะเลสาบนี้เป็นหนึ่งในทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทะเลสาบเซวานล้อมรอบไปด้วยแม่น้ำหลายสาย เช่น แม่น้ำฮราซดาน และแม่น้ำมาซริค ให้ท่านได้ชมความสวยงามของตัวเมืองและทะเลสาบเซวานที่เต็มไปด้วยสถานที่พักผ่อนรีสอร์ทของนักท่องเที่ยว ตัวเมืองนี้ตั้งอยู่สูงกว่ากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,900 เมตร เมืองนี้ถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ.1842 ซึ่งเป็นหมู่บ้านพักอาศัยของชาวรัสเซียที่มีชื่อว่า เยเลนอฟก้า (Yelenovka) จนถึงปีค.ศ.1935 จึงได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น เซวาน ตามหลังของทะเลสาบเซวานที่เปลี่ยนชื่อ และเมืองนี้ยังถูกล้อมรอบไปด้วยสวนสาธารณะเซวาน ซึ่งได้ถูกสร้างต่อมาจากทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง
  • นำท่านไปชม อารามเซวาน (Sevan Monastery) หรือมีชื่อเรียกว่า เซวานาแว๊งค์ (Sevanavank) ซึ่งคำว่า แว๊งค์ เป็นภาษาอาร์เมเนีย มีความหมายว่า โบสถ์วิหาร สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณแหลมที่อยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของฝั่งทะเบสาบเซวานถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ.874 โดยเจ้าหญิงมาเรียม ซึ่งเป็นธิดาของกษัตริย์อะช๊อตที่ 1 ซึ่งอยู่ในช่วงของการต่อสู้กับพวกอาหรับที่ปกครองดินแดนแห่งนี้
  • นำท่าน ล่องเรือชมความสวยงามของทะเลสาบเซวาน ที่เต็มไปด้วยสถานที่พักผ่อนรีสอร์ทของนักท่องเที่ยว ตัวเมืองนี้ตั้งอยู่สูงกว่ากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,900 เมตร เมืองนี้ถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ.1842 ซึ่งเป็นหมู่บ้านพักอาศัยของชาวรัสเซียที่มีชื่อว่า เยเลนอฟก้า (Yelenovka) จนถึงปีค.ศ.1935 จึงได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น เซวาน ตามชื่อของทะเลสาบ และเมืองนี้ยังถูกล้อมรอบไปด้วยสวนสาธารณะเซวาน ซึ่งได้ถูกสร้างต่อมาจากทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง (**บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์งดกิจกรรมล่องเรือหากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย** )
  •  รับประทานอาหารอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
  • จากนั้นเดินทางไปยังเมืองซัฆกัดซอร์ (Tsaghkadzor) เพื่อเชคอินเช้าโรงแรมที่พัก
  • พักที่   MARRIOTT TSAGHKADZOR HOTEL 5* หรือเทียบเท่า
[/timeline_item] [timeline_item item_number=”9″ title=”Day 9 : ซัฆกัดซอร์ – การ์นี่ – เก๊กฮาร์ด – เยเรวาน”]
  • รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
  • นำท่านเดินทางไปยังเมืองการ์นีเพื่อไปชม วิหารการ์นี (Garni Temple) ซึ่งในอดีตเมื่อประมาณ 1,700 ปีมาแล้ว บริเวณนี้เคยเป็นพระราชวังฤดูร้อนของกษัตริย์อาร์เมเนีย ซึ่งในปัจจุบันยังคงมีหลงเหลืออยู่ ซากห้องสรงน้ำ (Royal Bath House) และอาคารทรงกรีกที่ถูกสร้างขึ้นช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 1 โดย กษัตริย์อาร์เมเนียในสมัยนั้น ด้านข้างของวิหารทรงกรีกก็มีซากตอโบสถ์คริสต์ที่สร้างขึ้นเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 9 หลงเหลืออยู่ ต่อมาวิหารแห่งนี้ถูกทำลายด้วยแผ่นดินไหวเมื่อปี ค.ศ. 1679 สำหรับอาคารที่เห็นอยู่นี้ เพิ่งมาประกอบใหม่ในสมัยสหภาพโซเวียต เมื่อปี ค.ศ.1974 นี้เอง โดยใช้เศษซากปรักหักพังของเก่าผสมกับของใหม่ จึงทำให้สมบูรณ์อย่างที่เห็นในปัจจุบัน ถึงแม้ว่าวิหารการ์นี จะถูกสร้างแบบกรีก แต่ลวดลายบนตัวอาคารก็สร้างด้วยศิลปะแบบอาร์เมเนีย ที่ไม่สามารถหาได้ในวิหารกรีกทั่วไป
  • รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
  • จากนั้นให้ท่านได้เปลี่ยนรถนั่งเป็นรถที่ขับเคลื่อน 4 ล้อ นำท่านไปชมความสวยงามของจอร์จการ์นี่ (Garni Gorge) ซึ่งเป็นช่องเขาและมีลำธารน้ำไหลที่อยู่ในหมู่บ้านการ์นี่รวมถึงแม่น้ำอาซัดที่ไหลผ่าน และตามทางเดินของช่องเขาและเป็นเนินหินที่ยื่นออกมาจากหน้าผาจะมีแท่งหินที่เกิดจากธรรมชาติเป็นจำนวนมาก จากธรรมชาติที่เกิดขึ้นจะสอดคล้องกับลักษณะภูมิประเทศอันสวยงาม จึงทำให้ธรรมชาติที่เกิดขึ้นของส่วนนี้มีชื่อเสียงสำหรับนักท่องเที่ยวมาก
  • ท่านไปชม วิหารเก๊กฮาร์ด (Geghard Monastery) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในความสวยงามของอาร์เมเนีย เพราะเป็นวิหารที่สร้างอยู่ท่ามกลางเทือกเขาที่สวยงาม และยังมีส่วนที่สร้างโดยการตัดหินเข้าไปในภูเขาอีกด้วย ตัวอาคารของวิหารเกกฮาร์ดนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 12-13  ให้ท่านชมส่วนของห้องโถงของตัวโบสถ์ที่มีการตัดหินสร้างเป็นโดมแกะสลักอย่างสวยงาม ที่ถูกตกแต่งด้วยความศรัทธาในศาสนาคริสต์อย่างเต็มเปี่ยม วิหารที่สร้างโดยการตัดหินให้กลายเป็นห้องโถง และได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกเมื่อปีค.ศ.2000  จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่กรุงเยเรวานเพื่อเข้าโรงแรมที่พัก
  • รับประทานอาหารอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก
  • พักที่  ANI PLAZA HOTEL 4*  หรือเทียบเท่า    
[/timeline_item] [timeline_item item_number=”10″ title=”Day 10 : เยเรวาน – เอคมิอัดซิน -ซวาร์น๊อทส์ – เยเรวาน “]
  • รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
  • นำท่านไปชม Victory Park and Statue of Mother Armenia รูปปั้นขนาดใหญ่นี้สามารถมองเห็นได้จากทุกมุมมองทั่วทั้งเมือง ซึ่งเป็นรูปปั้นที่งดงามที่สุด
  • นำท่านเดินไปชม เดอะคาสเคด (The Cascade) เป็นสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดของเยเรวาน ซึ่งลักษณะจะเป็นแบบขั้นบันไดลดหลั่นกันลงมามีความสูงประมาณ 500 เมตร และมีการปล่อยน้ำลงมาเพื่อให้เป็นน้ำตกลงเป็นสายจากใจกลางที่อยู่ด้านบน ซึ่งสถาปัตยกรรมสิ่งก่อสร้างนี้ถูกสร้างให้เป็นอนุสาวรีย์แห่งชัยชนะของโซเวียตรัสเซีย ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ถูกออกแบบสร้างโดยสถาปนิก จิม โทรอสยาน เมือปีค.ศ.1971-1980 เพื่อเป็นการระลึกถึงที่อยู่ภายใต้การปกครองของโซเวียตเมื่อ 50 ปี แต่ว่าการก่อสร้างยังไม่เรียบร้อย เพราะว่าได้หมดของโซเวียตไปเสียก่อน และต่อมาในปีค.ศ.2002 ก็ได้มีการก่อสร้างเพิ่มเติมจนเสร็จเรียบร้อยเมื่อปีค.ศ.2009 และเมื่อมองจากจุดบนสุดทำให้เห็นวิวทิวทัศน์อันสวยงามของกรุงเยเรวานและภูเขาอารารัตที่อยู่ห่างไกลออกไปทางด้านตะวันตก
  • เข้าชม โรงงานผลิตเหล้าและไวน์ยี่ห้อ อะรารัต (Yerevan Brandy Factor) ซึ่งเป็นโรงงานชั้นนำและมีชื่อเสียงที่เป็นแหล่งผลิตเหล้าไวน์ปี ค.ศ.1887 ที่ได้ใช้องุ่นพ้นธุ์ดีที่สุดและน้ำแร่อันมีชื่อเสียงของอาร์เมเนียมาผลิตเหล้าไวน์ที่มีชื่อเสียง ซึ่งสามารถส่งออกไปยังรัสเซียประมาณร้อยละ 85 ที่เหลือเป็นยูเครนและเบลารุส
  • รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
  • เดินทางไปยังเมืองเอคมิอัดซิน (Echmiadzin) ที่อยู่ห่างจากเยเรวานประมาณ 30 กม. ในอดีตเป็นเมืองที่สำคัญของชาวอาร์เมเนียนที่มีความศรัทธาในเรื่องทางด้านการศาสนาและยังนับได้ว่าเป็นเมืองที่มีความศักดิ์สิทธิ์ ถูกสร้างขึ้นโดยนักบุญเกรกอรี่ในปี ค.ศ.303 เมืองนี้มีความสำคัญเพราะมีสถานที่ทั้งสองแห่งที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.2000ให้ท่านได้ นำท่านไปชมวิหารซวาร์น๊อทส์ (Zvartnots Cathedral) ซึ่งในอดีตนับได้ว่าเป็นวิหารที่มีความสวยงามมากที่สุด เป็นสถานที่ที่ได้รับขึ้นทะเบียนมรดกโลก วิหารที่ถูกสร้างขึ้นในราวปีค.ศ.641-653 ที่อยู่ในช่วงของจักรวรรดิไบแซนไทน์ที่มีอิทธิพลเหนือดินแดนในบริเวณแห่งนี้ และต่อมาก็เป็นช่วงของการรุกรารนของพวกอาหรับมุสลิม ซึ่งทุกวันนี้สถานที่โบราณแห่งนี้กลายเป็นสิ่งก่อสร้างที่ปรักหักพัง
  • จากนั้นนำท่านชมความสวยงามของวิหารเอคมิอัดซิน (Ech- miadzin Cathedral) และ พิพิธภัณฑ์เอคมิอัดซิน (Echmiadzin Museum) ซึ่งแต่ดั้งเดิมเป็นที่รู้จักกันในนามของโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์แห่งพระแม่เจ้า (Holy Mother of GodChurch) เป็นโบสถ์ที่ถูกสร้างขึ้นในราวศตวรรษที่ 4 และได้ชื่อว่าเป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดของโลก พร้อมชม จนกระทั่งได้เวลาอันสมควรนำเดินทางกลับกรุงเยราวาน
  •  รับประทานอาหารอาหารค่ำ ณ ภัตาคารอาหารท้องถิ่น  พร้อมชมโชว์พื้นเมือง
  • พักที่   ANI PLAZA HOTEL 4*  หรือเทียบเท่า

 

[/timeline_item] [timeline_item item_number=”11″ title=”Day 11 : เยเรวาน-ตอร์วีราพ-โนราแว๊งค์-เยเรวาน”]
  • รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
  • เดินทางไปยังเมืองคอร์วิราพ (Khor Virap) ที่ตั้งอยู่ทางด้านใต้ของกรุงเยเรวาน ชมวิหารคอร์ วิราพ (Khor Virap Monastery) เป็นสถานที่มีชื่อเสียงที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานสำหรับพิธีจาริกแสวงบุญให้กับผู้มีชื่อเสียง
  • เดินทางต่อไปยังหมู่บ้านอะเรนี (Areni Village) ให้ท่านได้ชมและสัมผัสกับการทำเหล้าไวน์ที่มีชื่อเสียงมานานของหมู่บ้านแห่งนี้ พร้อมทั้งลองลิ้มชิมรสชาติของเหล้าไวน์ต่างๆ ที่มีการทำเหล้าไวน์แบบพิธีการโบราณอันดั้งเดิม
  • รับประทานอาหารกลางวัน  ณ ภัตตาคาร
  • เดินทางไปยังเมืองโนราแว๊งค์ (Noravank) ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดวายอทส์ ดีซอร์ทางด้านเหนือ ชมวิหารโนราแว๊งค์ (Noravank Monastery Complex) ซึ่งถูกสร้างขึ้น ในราวศตวรรษที่ 13 บริเวณประตูทางเข้าหรือตามหน้าต่างทางด้านหน้าถูกแกะสลักด้วยลวดลายสถาปัตยกรรมอย่างประณีตสวยงาม  โดยรอบท่านสามารถชมวิวทิวทัศน์ของเทือกเขาได้อย่างสวยงาม
  • นำท่านออกเดินทางกลับไปยังกรุงเยเรวาน ให้ท่านได้พักผ่อนตามอัธยาศัย เลือกซื้อสินค้าที่บาซาร์อันมีชื่อเสียงของเยเรวาน ซึ่งเป็นตลาดแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงและความประทับใจ คือ พาค ชูคา (Pak Shuka) ตลาดแห่งนี้ถูกตกแต่งให้มีความสวยงามในรูปแบบของอาร์เมเนียน ซึ่งทางเข้าสู่ตลาดแห่งนี้ได้ถูกทำให้สวยงามที่ความประทับใจ และเมื่อท่านได้ก้าวเข้าไปสู่ในสถานที่แห่ง จะทำให้ท่านได้มีความรู้สึกว่าเหมือนอยู่ในโลกอีกใบหนึ่ง
  • รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
  • อิสระให้ท่านเดินชมเมืองและ ชมจัตุรัสกลาง (Republic Square) เป็นสถานที่ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับศูนย์กลางของเมือง ซึ่งคนพื้นเมืองจะเรียกที่นี่ว่าเป็น สิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ ถูกสร้างขึ้นด้วยหินสีชมพูของอาร์เมเนียภายในเวลาหนึ่งปี ได้กลายเป็นเขตที่ได้มีการพัฒนามากที่สุดของเมืองเยเรวาน ในช่วงเย็นมักมีการเต้นรำของชาวพื้นเมือง จนกระทั่งได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางไปยังสนามบินเพื่อเตรียมตัวเชคอิน และโหลดสัมภาระ
[/timeline_item] [timeline_item item_number=”12″ title=”Day 12 : เยเนวาน-โดฮา-กรุงเทพฯ”]
  • 03.00 น.       Q เหิรฟ้าสู่กรุงโดฮา โดยสายการบินการ์ต้า แอร์เวย์ เที่ยวบินที่  QR286
  • 05.00 น.       เดินทางถึงสนามบินนานาชาติโดฮา ฮาหมัด เมืองโดฮา ประเทศการ์ต้า เพื่อแวะต่อเครื่อง
  • 08.05 น.       Q เหิรฟ้าสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบินการ์ต้า แอร์เวย์ เที่ยวบินที่  QR832
  • 18.25 น.       เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิ์ภาพ พร้อมความประทับใจไม่รู้ลืม
[/timeline_item]

เราชำนาญด้านการจัดทำทัวร์มากกว่า 17 ปี รับจัดกรุ้ปส่วนตัวทุกประเทศตามในแบบที่คุณต้องการ ตามเส้นทางทั่วโลก

Go Together Travel

โทร 02-2146088 ทุกวัน จันทร์ -ศุกร์ 09.00 -18.00 น.

ติดตามเพื่อรับโปรโมชั่น